ศาลอาญาคดีทุจริตฯ นัดสืบพยานคดี “วัชระ” ฟ้อง “สรศักดิ์-ชัชวาล” แจ้งเท็จต่อศาล สั่งตัด “พรเพชร” พยานจำเลย ชี้ไม่เกี่ยวประเด็น
วันที่ 26 ก.ค. 65 เวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 403 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดสืบพยานโจทก์ และสืบพยานจำเลยคดีอาญาหมายเลขคดีดำที่ 22,23/2563 คดีอาญาหมายเลขคดีแดงที่ 33,34/2563 ระหว่าง
นายวัชระ เพชรทอง โจทก์
นายสรศักดิ์ เพียรเวช จำเลยที่ 1
นายชัชวาล อภิบาลศรี จำเลยที่ 2
ศาลได้พิจารณาตรวจสอบพยานหลักฐานโจทก์ จำเลย และอนุญาตให้โจทก์นำพยานบุคคลเข้าเบิกความจำนวน 6 ปาก ให้จำเลยนำพยานบุคคลเข้าเบิกความจำนวน 7 ปาก นัดสืบพยานโจทก์ วันที่ 9,10,16 พฤศจิกายน 2565 นัดสืบพยานจำเลย วันที่ 17,23,25 พฤศจิกายน 2565 โดยศาลสั่งตัดพยานบุคคลของจำเลยทั้งสองคือ นายพรเพชร วิชิตชลชัย อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพราะไม่เกี่ยวกันกับประเด็น
คดีนี้นายวัชระฯ โจทก์ได้บรรยายคำฟ้องว่า นายสรศักดิ์ฯ จำเลย เป็นหัวหน้าส่วนราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีอำนาจสั่งการอนุญาต และอนุมัติ และกระทำการแทนสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และยังได้รับการแต่งตั้งจากประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้เป็นคณะกรรมการเร่งรัดและติดตามโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ จำเลยซึ่งเป็นผู้ครอบครองเอกสารและได้รับหมายเรียกพยานเอกสารของศาลอาญา คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.838/2561 ระหว่างนายชัชวาล อภิบาลศรี โจทก์ และนายวัชระ เพชรทอง จำเลย ให้เร่งรัดส่งเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของจำเลย ไปยังศาลอาญาเพื่อใช้ในการพิจารณาคดี แต่นายสรศักดิ์ฯ ได้บังอาจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาว่าไม่สามารถจัดส่งให้ได้ เนื่องจากไม่มีแถบบันทึกเสียงการประชุมของคณะกรรมการเร่งรัดและติดตามโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ถือว่าเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ เพราะความจริงแล้วในการประชุมของคณะกรรมการดังกล่าว ได้มีการบันทึกชวเลข แถบเสียง และบันทึกการประชุม โดยมีรายละเอียดผู้เข้าและไม่เข้าประชุม วันเวลา สถานที่ ครั้งที่และข้อความที่ประชุม ซึ่งเป็นเอกสารราชการ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ.2526 จำเลยซึ่งเป็นกรรมการและผู้เข้าร่วมการประชุม เป็นผู้ครอบครองเอกสารดังกล่าว และทราบดีว่าต้องมีการบันทึกชวเลข แถบเสียง หรือรายงานชวเลข และบันทึกการประชุมไว้และต้องเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตามกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือนายชัชวาล อภิบาลศรี ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการเร่งรัดและติดตามโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่
ทั้งนี้ ในความผิดฐานความผิด ม.137 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ประมวลกฎหมายอาญา ม.157 บัญญัติว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่1 ปี ถึง 10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ม. 170 ผู้ใดขัดขืนหมายหรือคำสั่งของศาลให้มาให้ถ้อยคำ ให้มาเบิกความหรือให้ส่งทรัพย์หรือเอกสารใดในการพิจารณาคดี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน