รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดงาน Thailand Moving Together กอด กิน บิน เที่ยว ใช้ชีวิตใกล้ชิดอีกครั้ง รับฟังความเห็นจากภาคธุรกิจท่องเที่ยวและคมนาคม เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่โรคประจำถิ่น ที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดงาน Thailand Moving Together กอด กิน บิน เที่ยว ใช้ชีวิตใกล้ชิดอีกครั้ง รับฟังความเห็นจากภาคธุรกิจท่องเที่ยวและคมนาคม เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่โรคประจำถิ่น ที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น เน้นผ่อนคลายมาตรการที่ ไม่จำเป็น เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยใช้ชีวิตร่วมกับโควิดอย่างปลอดภัย รับประกันระบบสาธารณสุขเตรียมพร้อมรองรับอย่างเพียงพอ
วันนี้ (16 มิถุนายน 2565) ที่อิมแพค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน Meet & Greet “Thailand Moving Together : กอด กิน บิน เที่ยว ใช้ชีวิตใกล้ชิดอีกครั้ง” โดยมี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสิรภพ ดวงสอดศรี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและคมนาคมเข้าร่วม
นายอนุทินกล่าวว่า เป็นระยะเวลากว่า 2 ปีที่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและการเดินทางของประเทศไทย ต้องเผชิญกับความยากลำบากจากสถานการณ์โควิด 19 และการปิดประเทศ ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อหามาตรการต่าง ๆ ให้เกิดสมดุลระหว่างการควบคุมป้องกันโรคและการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องทั้งผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต ซึ่งต้องขอบคุณความร่วมมือของประชาชนและผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามคำแนะนำ ทั้งการล็อกดาวน์ หยุดกิจกรรมและกิจการ ปรับลดเวลาการเปิดบริการจัดพื้นที่ให้บริการแบบเว้นระยะห่าง ปรับปรุงระบบระบายอากาศ จัดให้พนักงานได้รับการฉีดวัคซีน และตรวจหาเชื้อในกลุ่มพนักงานที่ให้บริการ ทำให้กระทรวงสาธารณสุขสามารถเสนอมาตรการผ่อนคลายต่าง ๆ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้เพิ่มมากขึ้น
“ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกมาตรการเข้าประเทศรูปแบบ Test & Go นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้อย่างเสรี ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้น เริ่มเห็นสัญญาณของการฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น” นายอนุทินกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมการเปลี่ยนผ่านโรคโควิด 19 เข้าสู่โรคประจำถิ่น ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทรวงสาธารณสุขจึงจัดงานดังกล่าวขึ้น โดยเชิญตัวแทนสมาคมหรือหน่วยงานผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยว บริการ ร้านอาหาร โรงแรมและการคมนาคม รวม 22 สมาคม เพื่อรับฟังความคิดเห็นและวางแผนร่วมกัน (Hearing & Solution) ในการจัดทำมาตรการสาธารณสุขต่าง ๆ เสนอต่อที่ประชุม ศบค.ต่อไป เพื่ออำนวยความสะดวก สร้างความมั่นใจต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและคมนาคม และให้คนไทยกลับมามีชีวิตอย่างปกติสุข โดยอยู่ร่วมกับโควิด 19 ได้อย่างปลอดภัย
นายอนุทินกล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นเบื้องต้น พบว่า ตัวแทนทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการ ต่างแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันเสนอแนวทางเพื่อพาประเทศไทยก้าวข้ามวิกฤตบนความปลอดภัยของประชาชน กระตุ้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ปลดล็อกมาตรการที่ไม่จำเป็นต่าง ๆ เพื่อเดินหน้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นต่อไปโดยผู้ประกอบการต้องการให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ แจ้งแผนนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวล่วงหน้า เพื่อให้สามารถเตรียมพร้อมและปรับตัวได้ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้สะดวกและรวดเร็ว และให้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข ออกมาตรการผ่อนคลายต่าง ๆ และออกคำแนะนำประชาชนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมระบบการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ ได้แก่ เตียงพอ ยาพอ และหมอพอ มีการสำรองยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ป้องกันร่างกายส่วนบุคคลไว้อย่างพอเพียงในการรับมือกับการระบาดซ้ำ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการทางสังคมมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่ต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ คือ ต้องเข้าใจและปฏิบัติตามมาตรการ 2 U คือ Universal Prevention ป้องกันการติดโรค ด้วยการเว้นระยะห่าง และล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่อากาศปิดหรือแออัด ตรวจหาเชื้อโควิด 19 เมื่อจำเป็น เช่น เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีอาการสงสัย และ Universal Vaccination ขอความร่วมมือมารับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อยกระดับภูมิคุ้มกันให้มีความปลอดภัยกับการใช้ชีวิต ดังนั้น การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวนี้ ขอให้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการระบาดซ้ำของโควิด หากได้รับวัคซีนตามคำแนะนำ แม้ว่าติดเชื้อก็จะไม่มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต
“กระทรวงสาธารณสุขใช้แนวคิดการทำงานคือ HEALTH FOR WEALTH ใช้ระบบสาธารณสุขพัฒนาประเทศไทยให้เศรษฐกิจกลับมาแข็งแรง โดยไม่ได้มองเพียงมิติเดียว แต่มองไกลไปถึงว่า ระบบสุขภาพของไทยมีส่วนกระตุ้นและสนับสนุนธุรกิจการค้าการลงทุนต่าง ๆ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรและกัญชา เพื่อการส่งเสริมสุขภาพรักษาโรคภายในประเทศและการส่งออก การพัฒนาให้ประเทศเป็นศูนย์กลางการบริการสุขภาพของโลก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่ม Health Tourism และกระทรวงสาธารณสุข เพราะเชื่อว่า การพัฒนาสุขภาพให้ดี จะส่งผลให้เศรษฐกิจและสังคมดีตามมา คนไทยต้องปลอดภัยสาธารณสุขไทยรับประกัน” นายอนุทินกล่าวในตอนท้าย
ข้อมูล : https://www.thaigov.go.th/news