ความล่าช้าคือความอยุติธรรม “วัชระ’ ร้องชวนเร่งฟัน “สรศักดิ์” คุกคามทางเพศ ขร.สาว หลังผ่านมาเกือบ 3 ปี ไม่มีคืบหน้า
วันที่ 15 มิ.ย.65 เวลา 11.45 น. ที่อาคารรัฐสภา : นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือผ่านงานสารบรรณถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้เร่งรัดดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรงกับนายสรศักดิ์ เพียรเวช (เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร) กรณีการใช้สถานะของการเป็นผู้บังคับบัญชา คุกคามทางเพศต่อข้าราชการสตรี ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขณะปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยเรื่องนี้เคยมีหนังสือร้องตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย.62 เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการโดยด่วน มิให้นายสรศักดิ์ฯ และผู้ที่คอยให้การช่วยเหลือใช้ช่องทางกฎหมายถ่วงเวลาสอบข้อเท็จจริงและการสอบสวนทางวินัย ซึ่งในที่สุดนายสรศักดิ์ อาจรอดพ้นจากการถูกลงโทษทางวินัย
นายวัชระฯ กล่าวว่า ตนได้ร้องเรียนเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย.62 จนถึงปัจจุบัน กินเวลามากว่า 2 ปี 9 เดือนแล้ว และหากนับจากวันที่นายสรศักดิ์ฯ เกษียณอายุราชการ ก็ผ่านมากว่า 1 ปีครึ่ง ถือว่านานเกินไปต่อการอำนวยความยุติธรรมและหลักธรรมาภิบาลที่ดีให้กับข้าราชการสตรีที่ตกเป็นเหยื่อของการคุกคามทางเพศของนายสรศักดิ์ฯ
ทั้งนี้ พฤติกรรมของการใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศ เป็นเรื่องที่ร้ายแรงและเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสำคัญในการดำเนินการกับผู้กระทำความผิดดังกล่าว และเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ใช้อำนาจตามกฎหมายที่ต้องให้ความสำคัญต่อการลงโทษที่เหมาะสมต่อผู้กระทำความผิดดังกล่าว เนื่องจากผู้กระทำความผิดเป็นผู้บังคับบัญชา มีกฎหมายรองรับในการให้คุณให้โทษกับเหยื่อซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ได้ใช้สถานะของตำแหน่งในหน้าที่ราชการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดขององค์กร คุกคามทางเพศต่อเหยื่อซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นสตรี โดยปรากฏหลักฐานอย่างแจ้งชัดด้วยการแสดงพฤติกรรมใช้ข้อความสนทนาเรื่องเพศ มีการแสดงรูปภาพลามกอนาจาร โดยใช้แอพพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งผู้เสียหายได้พยายามหลีกเลี่ยงและปฏิเสธต่อการคุกคามทางเพศดังกล่าว
นอกจากนี้นายสรศักดิ์ยังให้สัญญาในการเลื่อนเงินเดือนให้กับผู้เสียหายโดยการคุกคามทางเพศ โดยใช้โทรศัพท์มือถือของทางราชการด้วยการกระทำความผิดของนายสรศักดิ์ฯ จึงครบองค์ประกอบของความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ในทางกฎหมายประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจตามกฎหมาย หากมีคำสั่งลงโทษในระดับปลดออก ก็จะไม่มีผลกระทบต่อนายสรศักดิ์แต่อย่างใด เพราะยังได้รับบำเหน็จบำนาญ สิทธิประโยชน์ต่างๆ ของทางราชการอย่างครบถ้วนเช่นเดียวกับผู้เกษียณอายุราชการตามปกติโดยไม่ได้กระทำความผิดอะไรเลยจากการกระทำความผิดฐานคุกคามทางเพศต่อเหยื่อซึ่งเป็นข้าราชการสตรี ทั้งๆ ที่ปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจน จึงขอให้ประธานสภาฯเร่งรัดลงโทษโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นบรรทัดฐานของสังคมที่ดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัชระฯ ได้เคยยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เมื่อวันที่ 30 มี.ค.64 ให้พิจารณาปลดนายสรศักดิ์ฯ ออกจากคณะกรรมการบริหารโครงการเสริมสร้างบ้านเมืองสุจริต พร้อมเรียกคืนเบี้ยประชุมครั้งละ 1,600 บาท ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.63 เป็นต้นมา เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงตามที่ นายนัฑ ผาสุข ประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีนายสรศักดิ์ฯ คุกคามทางเพศข้าราชการหญิงผู้ใต้บังคับบัญชาได้สรุปว่า นายสรศักดิ์ฯ กระทำความผิดจริง และได้รายงานลับให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรทราบแล้ว
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน