“…กรณีฉาวองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้สั่งโค่นป่าตะเคียนทองอายุเกือบ 20 ปี ใน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อปลูกยูคาลิปตัส กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์หนัก หลัง นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ และชาวบ้านเปิดเผยหลักฐานเชื่อมโยงนักลงทุนต่างชาติ พร้อมเตือนผลกระทบสิ่งแวดล้อมรุนแรง …”
“วันที่ 22 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุนทร วังณรงค์ ชาวบ้าน ม.11 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ร้องเรียนนายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์
“ป่าตะเคียนทองที่ปลูกมาตั้งแต่ยุครัฐบาลชวน หลีกภัย กำลังหายไป…เหลือเพียงตอไม้!”
โดย นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกับสื่อขณะลงพื้นที่ตรวจสอบว่า:
“ท่านสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนที่เคารพ วันนี้ผมมาเห็นกับตาว่า ป่าตะเคียนทองนับร้อยนับพันต้น ซึ่งปลูกมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลท่านชวน หลีกภัย หรือ ท่านสุเทพ เทือกสุบรรณ ถูกโค่นจนเหลือแต่ตอ อายุไม้เกือบ 20 ปี ทั้งหมดนี้ถูกทำลายเพื่อปลูกยูคาลิปตัส!”
ชาวบ้านร้องเรียน พบหลักฐาน “ทุนจีน”
นายวัชระ ยังกล่าวอีกว่า นายสุนทร วังณรงค์ ชาวบ้านผู้ร้องเรียน เปิดเผยกับตนว่า
“เดิมที่นี่เป็นป่าตะเคียนทองที่ปลูกเพื่อเศรษฐกิจและทดแทนป่า แต่พอมีนโยบายให้ปลูกยูคา ก็ถูกโค่นหมดหลายพันไร่ ไม้ที่โตที่สุดอายุ 20 ปี แปลงนี้ร้อยกว่าไร่ และยังมีอีกหลายแปลงที่ถูกตัดเช่นกัน”
เมื่อถูกถามว่า “ยูคาลิปตัสกับตะเคียนทอง อันไหนมีค่ามากกว่า?”
นายสุนทร ตอบชัดเจน “ตะเคียนทองราคาดีกว่าแน่นอน แต่รัฐบาลจะได้ประโยชน์จากยูคาเท่าไร? เราก็ไม่รู้…ส่วนต้นกล้าและปุ๋ยที่ใช้ ล้วนเป็นภาษาจีนทั้งนั้น!”
อดีต สส. ตั้งคำถามถึงความโปร่งใส
นายวัชระ กล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“นี่คือแผ่นดินไทย…ทำไมต้องให้ทุนต่างชาติเข้ามาแสวงประโยชน์? ยูคาลิปตัสเป็นพืชทำลายดิน สุดท้ายพื้นที่นี้จะแห้งแล้ง และชาวบ้านจะเดือดร้อน!”*
เสียงจากชาวบ้าน อยากได้ที่ดินคืน*
ทั้งนี้ นายสุนทร ได้เสนอทางออกดังนี้ “ถ้ารัฐจัดที่ดินเป็นสหกรณ์ ให้ประชาชนเช่าทำกิน คนละ 10-20 ไร่ พอมีผลผลิตก็แบ่งรายได้คืนรัฐ น่าจะดีกว่าให้ต่างชาติเข้ามา!”*
นายวัชระ กล่าวอีกว่า “เรื่องนี้ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน! ผมจะยื่นหนังสือถึงกระทรวงทรัพยากรฯ และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เพื่อให้ที่ดินเหล่านี้กลับคืนสู่ประชาชนอย่างแท้จริง”
กรณีนี้กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด หลังมีข้อกังวลทั้งเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อน ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และสิทธิ์ของชาวบ้าน” ว่าจะได้รับการแก้ไขอย่างเป็นธรรมหรือไม่…นายวัชระกล่าวทิ้งท้าย