ใครยอมรับพื้นที่ทับซ้อน คือยอมยกเกาะกูดซีกหนึ่งให้เขมร และยอมให้อ่าวไทยพื้นที่ต่อจากเกาะกูด ในระยะ 200 ไมล์ทะเลตกเป็นของเขมรด้วย จึงเป็นกบฏและขายชาติ ซึ่งขณะนี้คนไทยลุกฮือขึ้นประนามแล้ว
ใครก็ตามที่จะพูดเรื่องพื้นที่ทับซ้อนจะต้องรู้จักเรื่องสำคัญ 2 เรื่องก่อน
1. “เขตอธิปไตย” คือที่ดินอันเป็นที่ตั้งของประเทศ ถ้าเป็นที่ดินส่วนบุคคลเรียกว่า “กรรมสิทธิ์” เขตอธิปไตยของประเทศใด ถ้าติดกับทะเล ก็สิ้นสุดลง ณ. ที่นั้น แต่ถ้าติดกับประเทศอื่น ก็เป็นไปตามข้อตกลงในการปักปันเขตแดนซึ่งถือหลักเขตเป็นสำคัญ
2. “แดนอธิปไตย” มี 3 ประเภท คือ ใต้ดิน บนอากาศ และ ในทะเล
ระยะของแดนอธิปไตยบนอากาศและใต้ดินจะสูงและลึกเท่าที่ประเทศสามารถปกปักรักษาได้ ระยะของแดนอธิปไตยในทะเลนั้น นับจากชายฝั่งทะเลออกไปในทะเล 200 ไมล์ทะเล การวัดแดนกรรมสิทธิ์ในทะเลนั้น จะไปสิ้นสุดลงเมื่อครบระยะ 200 ไมล์ทะเล หรือเมื่อไปถึงเขตอธิปไตยของประเทศอื่น “แดนอธิปไตย จะผ่านเขตอธิปไตยไม่ได้’
ดังนั้นแดนอธิปไตยของเขมรจึงผ่านเกาะกูดมาไม่ได้ เพราะไปกินหรือทับเอาเขตอธิปไตยของประเทศไทยโดยตรง
3. เขตอธิปไตย ทางบก ของไทยติดกับกัมพูชา ได้ปักปัน เขตแดน กันมาตั้งแต่สมัยที่ กัมพูชา เป็น เมือง ขึ้น ของ ฝรั่งเศส มีหลักเขตทั้งสิ้น 73 หลัก ดังนั้นเขตอธิปไตยของไทยและกัมพูชา จึงเป็นไปตาม ที่ได้ปักปันเขตแดนกันทั้ง 73 หลักเขตนั้น
หลักเขตที่ 72 สูญหายไปตั้งแต่ยุคสงครามอินโดจีน และจนบัดนี้ก็ยังหาไม่พบและยังโต้เถียงกันว่าอยู่ตรงไหน เขตแดนตรงหลักเขตที่ 72 จึงยังไม่แน่นอนและยังไม่เป็นที่ตกลงกันจนวันนี้
หลักเขตที่ 73 อยู่ในเกาะกง ซึ่งเดิมมีชื่อว่าจังหวัดประจันต์คีรีเขตของประเทศไทย ตั้งชื่อ พร้อมกันกับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถูกฝรั่งเศส ยึดเอาไปพร้อมกับจันทบุรี-ตราดและเกาะกูด
และไทยได้กลับคืนมาตามสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส โดยนำเอา เสียมราฐพระตะบองศรีโสภณยกให้ฝรั่งเศสไปในช่วงสงครามอินโดจีน หลักเขตที่ 72 หายไปจนบัดนี้ ส่วนหลักเขตที่ 73 ยังโต้แย้งกัน ไทยถือว่าหลักเขตที่ 73 อยู่ลึกเข้าไปในเกาะกง ซึ่งหมายความว่าเกาะกงเป็นเขตอธิปไตยของประเทศไทย
และหลักเขตที่ 73 นี้ได้ถูกเขมรย้ายมาไว้ที่ชายทะเลเกาะกง เขมรจึงอ้างว่า เขตอธิปไตยของเขมรคือชายทะเลเกาะกง แต่ไทยถือว่าอยู่ลึกเข้าไปในเกาะกง จนถึงบัดนี้ยังตกลงกันเรื่องหลักเขตที่ 72 และ 73 ไม่ได้ เขตอธิปไตยตรงนี้จึงยังไม่เป็นที่ตกลงกัน
ดังนั้นนายอนุทินรองนายกรัฐมนตรี จึงไปเจรจาทำความตกลงกับเขมรเมื่อไม่กี่วันมานี้ว่า จะให้คณะกรรมการปักปันเขตแดนของทั้งสองฝ่าย ร่วมกันทำการปักปันเขตแดนต่อไป
ซึ่งเป็นข้อยืนยันว่าเขตอธิปไตย ตรงหลักเขตที่ 72 และ 73 เดิมยังไม่เป็นที่ตกลงกัน เมื่อเขตอธิปไตยตรงนี้ยังไม่เป็นที่ตกลงกัน แดนอธิปไตยในทะเลจึงยังเกิดขึ้นไม่ได้ และยังไม่เป็นที่ตกลงกัน
แต่เขมรอ้างว่า เขตอธิปไตย ของเขมรอยู่ที่ชายทะเลเกาะกง และจากเกาะกงมาถึงเกาะกูด ยังไม่ถึง 200 ไมล์ทะเล เขมรจึงผ่าเกาะกูดออกเป็น 2 ซีก ซีกหนึ่งอ้างเป็นของเขมรอีกซีกหนึ่งเป็นของไทย ซึ่งเป็นการยึดดินแดนประเทศไทย ที่ประเทศไทยได้เกาะกูดทั้งเกาะคืนมาตามสนธิสัญญา สยาม-ฝรั่งเศส โดยต้องเอามณฑลเสียมราฐพระตะบอง และ ศรีโสภณ ยกให้ฝรั่งเศสตามสนธิสัญญานั้นและเขมรยังวัดระยะแดนอธิปไตยตรงนี้ผ่าเกาะกูดและล้ำเข้ามายังเขตอธิปไตยด้านอ่าวไทยของประเทศไทย ซึ่งเป็นเขตอธิปไตยของประเทศไทย จนครบ 200 ไมล์ทะเล จึงเท่ากับอ้างเอายึดเอาดินแดนของประเทศไทยซีกหนึ่งของเกาะกูดและเลยเข้ามาจากเกาะกูดล้ำด้านอ่าวไทย ของเกาะกูด ซึ่งเป็นแดนอธิปไตยของประเทศไทย ไปเป็นของเขมรด้วย
ใครก็ตามที่ไปยอมรับพื้นที่ทับซ้อน กับเขมร โดยที่เขตอธิปไตยและแดนอธิปไตยยังอยู่ระหว่างการเจรจาปักปัน จะเป็นการยอมรับเขตอธิปไตยและแดนอธิปไตยตามที่เขมรกล่าวอ้าง ซึ่งทำให้ไทยเสียอธิปไตย ตรงหลักเขตที่ 72 และ 73 และเสียดินแดนจำนวนมาก รวมทั้งเกาะกูดอีกซีกหนึ่งด้วย จึงเป็นการทำผิดรัฐธรรมนูญ และผิดกฎหมายอาญาในข้อหากบฏด้วย
อย่าลืมกำพืดตัวเอง แล้วเหลิงในอำนาจ กราดชี้หน้าประชาชนผู้รักชาติ ที่เขาแสดงท่าทีปกปักรักษาแผ่นดินไทย ว่าเป็นพวกคลั่งชาติเลย วันหนึ่งเมื่อหมดอำนาจแล้ว ยังจะมองหน้าพี่น้องประชาชนร่วมชาติได้ มิฉะนั้นก็จะถูกคนไทยตราหน้าไปชั่วลูกหลานเหลนโหลน ว่าเป็นพวกทรยศชาติขายชาติ
Cr. Paisal Puechmongkol