อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ออกมาทำกิจกรรมโครงการงานสาธารณะขุดลอกคลองบางใหญ่ ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
วันนี้ 8 สิงหาคม 2567 เวลา 16.40 น. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายอาคม ภูศรี ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ออกมาทำกิจกรรมตามโครงการงานสาธารณะขุดลอกคลองบางใหญ่ ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ตามโครงการขุดลอกคลองบางใหญ่ในเขตเทศบาลนครภูเก็ต เป็นการดำเนินการเพื่อป้องกันอุทกภัยในช่วงฤดูฝนการขุดลอกจะทำให้ลำคลองไม่ตื้นเขินไม่มีสิ่งกีดขวางทางน้ำเมื่อเกิดสภาวะฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องจะทำให้ลำคลองสามารถระบายน้ำลงสู่ทะเลได้เร็วและง่ายขึ้น โดยเป้าหมายการดำเนินการของโครงการมีระยะเวลารวม 40 วัน รวมระยะทางของคลองบางใหญ่ที่ดำเนินการขุดลอกรวม 6 กิโลเมตร โดยแต่ละวันจะมีผู้ต้องขังจำนวน 20-30 คนเดินทางมาปฏิบัติการขุดลอกคลองบางใหญ่ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น.
โอกาสนี้ นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการจัดโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยได้ บูรณาการดำเนินการทั้งในเรื่องของการปลูกป่า การทำความสะอาดขุดลอกคูคลองลำรางระบายน้ำ และการเก็บขยะชายฝั่งหรือในทะเล และในวันนี้นายกรัฐมนตรี ได้เปิดโครงการรักษ์ 72 หาดไทย เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ต้นแบบของการอนุรักษ์หาดไทย ที่ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ ในส่วนของกรมราชทัณฑ์ ได้เข้าร่วมโครงการ ดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินโครงการงานสาธารณะขุดลอกคลองบางใหญ่ ในเขตเทศบาลนครภูเก็ต เส้นคลองดังกล่าวเป็นคลองสายหลักของจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้คลองสามารถระบายน้ำไหลลงทะเลได้อย่างสะดวก เนื่องจากในปัจจุบันครองบางใหญ่มีลักษณะตื้นเขินมีเศษสวะวัชพืช และดินทับถม เป็นจำนวนมาก เรือนจำจังหวัดภูเก็ตจึงร่วมกับเทศบาลนครภูเก็ต ร่วมขุดลอกคลองบางใหญ่ โดยใช้กำลังพลผู้ต้องขังของเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เพราะผู้ต้องราชทัณฑ์ เป็น ทรัพยากร ส่วนหนึ่งของสังคมไทย เป็นพลเมืองอีกส่วนหนึ่งที่มีศักยภาพ ที่จะช่วยเหลือสังคมได้ นอกจากนี้ยังมีอีกหลาย พื้นที่ ผู้บัญชาการ เรือนจำจังหวัดภูเก็ต ได้บูรณาการ กับหน่วยงานอาทิเทศบาลเมืองป่าตอง เทศบาลตำบลกะรน ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้ผู้ต้องราชทัณฑ์ถือว่าเป็น ทรัพยากรบุคคล ที่มีคุณค่าของสังคม แม้ว่าเขาจะก้าวพลาด แต่พวกเขาคือสมาชิกของสังคมไทย เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่เขาอยู่ในเรือนจำ จะต้องได้รับการพัฒนาขัดเกลา พฤตินิสัย ขณะเดียวกัน กรมราชทัณฑ์มีนโยบายในการสร้างงานสร้างอาชีพ และการศึกษา เพื่อให้ ผู้ต้องราชทัณฑ์มีความพร้อม ที่จะกลับไปอยู่ในสังคม ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือสังคมจะต้องให้โอกาส คนกลุ่มนี้ด้วย เพราะหากพวกเขาเปลี่ยนแปลงพฤตินิสัยแล้วแต่สังคมยังไม่ให้โอกาส เขาจะไม่มีที่ยืน กรมราชทัณฑ์มีพันธะสัญญาร่วมกันกับสังคม คือ ราชทัณฑ์แก้ไข คนไทยพร้อมให้โอกาส”