ข่าวประชาสัมพันธ์

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เตรียมเปิดให้บริการระบบ e-Foreign Business สำหรับนักลงทุนต่างชาติ ปลายเดือนกรกฎาคม 2567


8 กรกฎาคม 2024, 9:25 น.

 

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เตรียมเปิดให้บริการยื่นคำขอรับใบอนุญาต/หนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และงานทางทะเบียนอื่นๆ ภายใต้ พ.ร.บ.ต่างด้าว 2542 ผ่านระบบออนไลน์ หรือ e-Foreign Business อย่างเต็มรูปแบบ ปลายเดือนกรกฎาคม 2567 ขณะนี้ อยู่ระหว่างทดสอบระบบให้มีความสมบูรณ์และเสถียรมากที่สุด เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนชาวต่างชาติและสามารถใช้บริการผ่านออนไลน์ด้วยความมั่นใจในระบบรักษาความปลอดภัย กรอกข้อมูลง่าย ครบ จบในขั้นตอนเดียว พร้อมปรับปรุงกฎระเบียบรองรับการดำเนินงานดังกล่าว เชื่อ!! ระบบ e-Foreign Business จะช่วยให้นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้นในการขออนุญาตประกอบธุรกิจในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ลดเวลาติดต่อราชการ สร้างบรรยากาศที่ดีในการประกอบธุรกิจ

 

 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดินหน้าอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาลงทุนในประเทศไทยในการขออนุญาต/ขออนุมัติตามกฎหมาย โดยเตรียมเปิดให้บริการยื่นคำขอรับใบอนุญาต/หนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และงานทางทะเบียนอื่นๆ ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ผ่านระบบออนไลน์ หรือ ‘e-Foreign Business’ ปลายเดือนกรกฎาคม 2567 โดยผู้ประกอบการหรือนักลงทุนชาวต่างชาติสามารถยื่นคำขอฯ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เต็มรูปแบบ ครอบคลุมทุกกระบวนงานที่เกี่ยวข้องกับการยื่นขออนุญาต (end-to-end) ตั้งแต่ขั้นตอนการยื่นคำขอรับใบอนุญาต/หนังสือรับรองการประกอบธุรกิจ การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) การออกใบอนุญาต/หนังสือรับรองแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Foreign Business License/e-Foreign Certificate) ผ่านช่องทางออนไลน์ และผู้รับบริการสามารถดาวน์โหลดใบอนุญาต/หนังสือรับรองการประกอบธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันที ระบบ e-Foreign Business จึงเป็นการให้บริการด้านอิเล็กทรอนิกส์สำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติแบบครบวงจรที่ช่วยอำนวยความสะดวกได้จริง

 

อธิบดีอรมน กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ระบบ e-Foreign Business อยู่ระหว่างการทดสอบระบบให้มีความสมบูรณ์และมีความเสถียรมากที่สุด เพื่อให้นักลงทุนชาวต่างชาติใช้บริการผ่านออนไลน์ด้วยความมั่นใจในระบบรักษาความปลอดภัยทั้งในส่วนของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลนิติบุคคล สามารถกรอกข้อมูลได้ง่าย ครบ จบในขั้นตอนเดียว ตลอดจนการปรับปรุงกฎระเบียบให้รองรับการดำเนินงานดังกล่าว ซึ่งการทดสอบระบบฯ เป็นไปด้วยดี มั่นใจว่าระบบ e-Foreign Business จะช่วยให้นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้รับความสะดวกในการขอรับอนุญาตมากขึ้น ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และลดเวลาติดต่อกับภาครัฐ เป็นการยกระดับการลงทุน และช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการประกอบธุรกิจในประเทศไทย (Ease of Doing Business) อีกด้วย

 

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พร้อมเปิดให้บริการระบบ e-Foreign Business แก่ผู้ประกอบธุรกิจและนักลงทุนชาวต่างชาติ ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2567 เป็นการสนับสนุนการลงทุนของต่างชาติที่ถูกกฎหมาย และเพื่อให้ชาวต่างชาติปฏิบัติตามกฎหมายไทยอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ คาดว่าเมื่อกรมฯ เปิดให้บริการระบบ e-Foreign Business แล้ว ผู้ประกอบการ/นักลงทุนต่างชาติจะใช้บริการผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น และลดปริมาณการใช้บริการรูปแบบเดิมที่ใช้อยู่ หรือการ Walk in ลดน้อยลง ทั้งนี้ ผู้ประกอบการและนักลงทุนชาวต่างชาติสามารถใช้บริการระบบ e-Foreign Business ผ่านทาง http://www.dbd.go.th โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองบริหารการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร 0 2547 4420, 0 2547 4425 และ 0 2547 4426 e-Mail: foreign@dbd.go.th สายด่วนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 1570 และ http://www.dbd.go.th

 

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดินหน้าพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือสนับสนุนเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ เพื่ออำนวยความสะดวกภาคธุรกิจและประชาชนให้ประกอบธุรกิจด้วยความคล่องตัว รองรับและเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบ พร้อมทั้งลดภาระค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นการลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้ขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน” อธิบดีอรมน กล่าวทิ้งท้าย

 

ปี 2566 ที่ผ่านมา มีนักลงทุนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 รวม 667 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 127,532 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติ 5 ลำดับแรก ได้แก่

1) ญี่ปุ่น 137 ราย เงินลงทุน 32,148 ล้านบาท

2) สิงคโปร์ 102 ราย เงินลงทุน 25,405 ล้านบาท

3) สหรัฐอเมริกา 101 ราย เงินลงทุน 4,291 ล้านบาท

4) จีน 59 ราย เงินลงทุน 16,059 ล้านบาท และ

5) ฮ่องกง 34 ราย เงินลงทุน 17,325 ล้านบาท

ข่าวในหมวดเดียวกัน

เพิ่มเติม...

การเมือง

คอลัมนิสต์

คมในความ

มหาราษฎร์ Shorts

ภาพเก่าเล่าอดีต

ไฮไลท์

ข่าวประชาสัมพันธ์

ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล คุก

ท่องเที่ยว

ศาสนา

สุขภาพ

แวดวงนักรบ

สังคม

บทบาทบุคคล

< กลับหมวดข่าวประชาสัมพันธ์

เรื่องล่าสุด