กาลครั้งหนึ่ง ที่เมืองหลวงของแผ่นดินขวานเพชร มีสหายรักสามคน
<ต้อ>เป็นพี่ใหญ่
<ใต้>เป็นพี่รอง
<เต๋า>เป็นน้องเล็ก
ทั้งสามคนผูกสมัครรักใคร่ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
<ต้อ>พูดเพราะ คำก็พี่ยังงั้น สองคำก็พี่ยังงี้
<ใต้>ไม่ค่อยพูด ยิ้มอย่างเดียว เก่งด้านหนังสือ ลายมือสวย ลายเซ็นงามงด
<เต๋า>น้องเล็กจอมลุย ที่ไหนซ่า <เต๋า>เสียบทันที
<ต้อ><ใต้><เต๋า>เป็นคนกินง่าย อยู่ง่าย ต่อมาสามสหายได้ข่าวว่ามีพ่อค้าขายโจ๊กชื่อ<เจี๊ยบ> มาเปิดร้านขายอยู่ในเมืองหลวง โจ๊กของ<เจี๊ยบ>นั้น มีรสชาติค่อนข้างหวาน แต่กลมกล่อม ใครได้ชิม ได้กิน เป็นต้องติดใจทุกคน
<ต้อ>พี่ใหญ่ บอกว่า <จะขอลองชิมโจ๊กหน่อย ว่าจะอร่อยสมคำร่ำลือหรือไม่ ?> พอ<ต้อ>ตักหน้าโจ๊กเข้าปากกระทบลิ้นเข้า ต้องอุทานว่า <หอมหวานอร่อยสมคำร่ำลือจริง ๆ>
<ต้อ>จึงจ้วงตักโจ๊กจนเต็มช้อนแล้วส่งเข้าปากตัวเองโดยที่<ต้อ>หารู้ไม่ว่าโจ๊กนั้น ยิ่งอยู่ลึกก็ยิ่งร้อน โจ๊กจึงลวกปาก <ต้อ> จนบวมพอง พูดไม่ได้
<ใต้>เห็นดังนั้น จึงเอาโจ๊กไปใส่ตู้แช่เย็นและสะบัดลายเซ็นไปถึงกรมการเมืองให้ไล่<เจี๊ยบ>เจ้าของโจ๊กออกไปจากเมือง
<เต๋า>ขู่ซ้ำว่า <<เจี๊ยบ>ทำผิด ที่ขายโจ๊กร้อน ๆ ให้<เจี๊ยบ>เลิกทำขายเสียชาวบ้านเขาจะเดือดร้อนไปด้วย> และบอกอีกว่า <ดูบัญชีเห็นมีเงินเยอะแล้วนี่นา>
<เจี๊ยบ>พ่อค้าโจ๊ก มองหน้า<ต้อ><ใต้><เต๋า> แล้วพูดว่า <รู้นะ <ต้อ>ก็มีเงินเยอะเหมือนกัน คำสั่ง<ใต้>ที่ให้ออกจากเมืองก็ไม่ชอบเพราะคิดเอง สั่งเอง ไม่ได้ปรึกษาใคร ส่วน<เต๋า> ก็พูดดูถูกดูแคลนว่า ถ้าชาวบ้านกินโจ๊กแล้วจะเดือดร้อนที่จริงแล้ว ชาวบ้านชอบกินโจ๊กต่างหาก>
<ต้อ><ใต้><เต๋า>จึงพากันไปหา กรมการเมืองผู้ใหญ่ กรมการเมืองผู้ใหญ่ มีรูปร่างสูงใหญ่ แต่ใจนิดเดียว พูดว่า <ไปคุยกันเองอย่าทะเลาะกันนะ>
ก็เมื่อศรศิลป์ไม่กินกัน แล้วจะคุยกันได้อย่างไร ?
<เจี๊ยบ>เห็นว่าถูกรุมจึงไปปรึกษากูรูใหญ่<ศรีธนญชัย>แห่งดินแดนปั้นน้ำเป็นตัว
<เจี๊ยบ>คิดว่า ได้น้ำดีแล้วจึงพูดท้าชกเรียงตัวกับ <ต้อ><ใต้><เต๋า>แบบตายเป็นตายหรือตายไปด้วยกัน จึงเกิด<ศึกตะลุมบอน> ครั้งใหญ่ขึ้นในเมืองหลวง<ศึกวันทรงชัย>ที่ว่าแน่ ๆ ในอดีต ต้องชิดซ้ายไปเลย
เพราะการตะลุมบอนครั้งนี้ไม่มีกรรมการห้ามชกกันจนถึงขั้นตายคาเวทีเงินทองที่มี เอามากองเดิมพันแบบหมดหน้าตัก ใครรักใคร ชอบใคร ก็เลือกเชียร์เอา มีการถ่ายทอดออกสื่อเป็นระยะ ๆ วันละหลายรอบได้ดูกันทั่วบ้านทั่วเมือง
<เจี๊ยบ>พ่อค้าโจ๊กคงมีแรงดันเยอะขนาดกำลังชกกับสามสหาย <ต้อ><ใต้><เต๋า>ยังข้ามรุ่นไปท้าชกกับ <เฮียไน้>เจ้าสำนักกากีเก่าอีกคน
ฤา<เจี๊ยบ>ลืมคิดไปว่า<เฮียไน้>เป็นใคร ?
โดยส่วนตัว <เฮียไน้>ก็ใหญ่พอตัวอยู่แล้วในยุทธจักรนี้ <เฮียไน้>มีหมวกใส่ตั้งหลายใบแถมยังมีศักดิ์ฐานะผูกพันกับครอบครัวของบุคคลผู้มีชื่อเสียง มีบารมี ที่พ่อของ<เจี๊ยบ>เคยทำงานอยู่ด้วยตั้งหลายปี
คิดดี ๆ วันนี้ อาจจะไม่ใช่วันของ<เจี๊ยบ>นะ พอเถอะ หยุดเถอะ
ในสมัยพุทธกาล<มหาโจรองคุลีมาล> แค่วางดาบแล้วกลับใจบวชพระยังได้เป็นอรหันต์ <เจี๊ยบ>ลองคิดดูแล้วลองไตร่ตรองถึง <โลกธรรม 8>
เมื่อมี<ลาภ>
ก็<เสื่อมลาภ>
ทราบไหมนั่น
<ยศ>ตำแหน่ง
เกษียณพลัน
มันก็หาย
<สุข>หรือ<ทุกข์>
ปลุกหัวใจ
ให้สบาย
<สรรเสริญ>หน่าย
<นินทา>เน้น
เป็นโลกธรรม
<ธรรมะ>สอนว่า
<สัตว์โลกทั้งหลาย ย่อมเป็นไปตามกรรม>
<กฎหมาย>สอนว่า
<กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา>
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท
Cr.ภาพจาก LovePik