ดูข่าวเช้าวันหนึ่ง มีดาราชายคนหนึ่งแถลงข่าวว่า มีนักกฎหมายคนหนึ่งที่สนิทกับคนสนิทของผู้เป็นใหญ่ในสายงาน <ยุติธรรม> เรียกร้องจากเขา เรื่อง <ราคาความยุติธรรม> เขาจึงออกมาแฉต่อสังคมเพื่อ <ขอความเป็นธรรม> ฟังแล้วสะท้อนใจถ้าเป็นเรื่องจริง ?
<ความยุติธรรม> ตีราคาค่างวดเป็นเงินได้ด้วยหรือ ?
ฤาว่าปัจจุบันนี้คำว่า <คุณธรรม> ไม่มีเสียแล้ว
<สั่งไม่ฟ้อง>
ช่วงปี พ.ศ.2525-2526 ผมมียศ ร.ต.ท. เป็น พงส. สน. บางนา มีชายวัยกลางคน ๆ หนึ่งมา สน. แจ้งว่า เขามีเมียน้อยเช่าบ้านอาศัยอยู่ในเขต สน.บางนา เขาเป็นคนซื้อสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ในบ้าน เช่น โทรทัศน์ พัดลม ตู้เย็น เครื่องครัว และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในบ้าน เขาจะมาหาเมียน้อยสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง ครั้งล่าสุดเกิดทะเลาะมีปากมีเสียงกันเขาจึงกลับบ้านตัวเอง
พอกลับมาวันนี้ ปรากฏว่า เมียน้อย ขนเอาทรัพย์สินที่เขาซื้อมาไว้ใช้ร่วมกันไปหมด เขาไม่สามารถติดต่อกับเมียน้อยได้ เขาเสียใจระคนความโกรธ จึงขอแจ้งความให้ดำเนินคดีกับเมียน้อยในข้อหา <ยักยอกทรัพย์>
ผมพยายามพูดคุยกับเขาให้ผ่อนคลายอารมณ์ตรึงเครียด ได้ความว่า เขาคบหากับเมียน้อยมานานนับปีแล้ว แต่ด้วยความโกรธแค้นที่ เมียน้อยทำเช่นนี้และหนีไปโดยไม่ได้บอกกล่าวจึงยืนยันขอให้ดำเนินคดี
ผมบอกว่า <ได้เชยชมเขามาเป็นปีแล้วทรัพย์สินแค่นั้นยกให้เขาไปเถอะ> แต่พูดยังไงเขาก็ไม่ยอมจะดำเนินคดีให้ได้และขอให้ออกหมายจับโดยเร็ว
การดำเนินคดีแบบไทยนั้นเป็นระบบกล่าวหาผมจำต้องรับคำร้องทุกข์ รับเลขคดีตามระเบียบ เมื่อสอบสวนผู้กล่าวหาเรียบร้อยแล้ว
ผมลงพื้นที่เกิดเหตุพร้อมพลขับพูดคุยสอบถามชาวบ้านละแวกนั้นได้ความทำนองเดียวกันว่า
หญิงคนนั้น มาเช่าบ้านอยู่ที่นี่เกือบปีแล้ว ผัวจะมาหาสัปดาห์ละครั้งสองครั้งตอนไหนที่ผัวซื้อสิ่งของเครื่องใช้ในบ้านมาพอผัวกลับ ก็จะออกมาพูดหน้าระรื่นอวดว่าผัวซื้อของมาให้ ซื้อโทรทัศน์ พัดลม ตู้เย็น เตาแก๊ส และให้เงินไว้ใช้ เป็นคนอัธยาศัยดี มีน้ำใจกับเพื่อนบ้าน
ผมเอาเครื่องพิมพ์ดีด ไปบันทึกปากคำพยานเพื่อนบ้านไว้หลายปาก ผมคิดว่าการที่ชายคนนั้นซื้อสิ่งของก็เพื่อใช้ร่วมกันกับเมียน้อยเป็นเงินของเขาก็จริง แต่เมียน้อย ก็เชื่อโดยสุจริตใจว่า ผัวซื้อให้ เพราะเมียน้อย จะอยู่บ้านเช่าเป็นส่วนใหญ่และยังเที่ยวคุยโอ้อวดกับเพื่อนบ้านว่า ผัวซื้อมาให้ อีกทั้งชายผู้แจ้งผู้เป็นผัวก็ได้เชยชมสมสู่เมียน้อยมาเป็นปีแล้วผมว่า คุ้มเกินกว่าทรัพย์สินเสียอีก
คำว่า <ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์> มันดังก้องกังวาลอยู่ในหัวใจ
ผมตัดสินใจทำสำนวน <สั่งไม่ฟ้อง> เพราะขาดเจตนาทุจริต โดยไม่ออกหมายจับ ไม่ติดตามจับกุม และไม่สอบสวนผู้ต้องหา สำนวนมีแค่คำให้การของชายผู้กล่าวหากับพยานชาวบ้านข้างเคียงและตำรวจผู้สืบสวน
ผมด้วยตนเองไปพบผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นและพนักงานอัยการ อธิบายเหตุการณ์ให้ทราบและบอกว่า <สำนวนนี้เป็นสำนวนที่สั่งคดีด้วยคุณธรรม>
ผู้บังคับบัญชาทุกท่าน และพนักงานอัยการเห็นชอบด้วยเพราะรู้จักผมจากการทำงานและการติดต่องาน ผมคิดว่าผู้บังคับบัญชาทุกท่าน พนักงานอัยการ รวมทั้งตัวผมเอง ต่างก็มีความสุขใจที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อน <สายธารแห่งความยุติธรรม> ในครั้งนี้
มีเสียงเพลงความฝันอันสูงสุดแว่วมาอย่างแผ่วเบา <จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา>
ณ ปัจจุบัน เหตุการณ์ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว หญิงคนนั้น จะรู้ไหมว่าโลกใบนี้ยังมี พ.ต.ท.เติมศักดิ์ จามรกุล สวญ.สน.บางนา ผู้บังคับบัญชาคนนั้น ยังมีพนักงานอัยการคนนั้น และยังมีตำรวจตัวเล็ก ๆ คนนี้ที่ร่วมกันสร้างและให้ <ความยุติธรรม> โดย <ไม่มีราคาต้องจ่าย> และโดยที่เธอ <ไม่ต้องร้องขอ>
ขอให้เธอโชคดี มีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท
ตำรวจตัวเล็ก ๆ คนนั้น