สธ.เร่งรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นต่อเนื่อง ลดความเสี่ยง อาการรุนแรง และเสียชีวิต
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผย กลยุทธ์ฉีดวัคซีนโควิดผ่าน รพ.สต.ช่วยผู้สูงอายุยินยอมมารับวัคซีนเพิ่มขึ้น ส่วนยอดฉีดวัคซีนช่วงสงกรานต์เฉลี่ยวันละ 6 หมื่นโดสต่อวัน ยังไม่รวมยอดจาก รพ.สต. ย้ำหลังสงกรานต์ยังต้องฉีดวัคซีนต่อเนื่อง ทุกคนต้องช่วยกันเข้มมาตรการ
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผย กลยุทธ์ฉีดวัคซีนโควิดผ่าน รพ.สต.ช่วยผู้สูงอายุยินยอมมารับวัคซีนเพิ่มขึ้น ส่วนยอดฉีดวัคซีนช่วงสงกรานต์เฉลี่ยวันละ 6 หมื่นโดสต่อวัน ยังไม่รวมยอดจาก รพ.สต. ย้ำหลังสงกรานต์ยังต้องฉีดวัคซีนต่อเนื่อง ทุกคนต้องช่วยกันเข้มมาตรการ เพื่อลดการแพร่เชื้อไปยังกลุ่มเสี่ยง ป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต
วันนี้ (19 เมษายน 2565) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์ให้ลูกหลานที่เดินทางกลับบ้านช่วงสงกรานต์พาผู้สูงอายุไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันโดยกระจายวัคซีนโควิด 19 ไปถึงระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ทั่วประเทศ เพื่อให้มารับวัคซีนใกล้บ้านได้สะดวก ส่วนยอดการฉีดวัคซีนโควิด 19 ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาเฉลี่ย 6 หมื่นโดสต่อวันนั้นเป็นจำนวนการฉีดวัคซีนในโรงพยาบาล ยังไม่รวมการฉีดจาก รพ.สต. ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการรายงานเข้าระบบ ทั้งนี้ จากการติดตามพบว่า การใช้กลไก รพ.สต.เพื่อส่งเสริมการฉีดวัคซีนช่วงสงกรานต์ ทำให้มีผู้เข้ามารับวัคซีนจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ยังไม่ยอมเข้ารับการฉีดวัคซีนเนื่องจากเดินทางลำบากหรือไม่มีคนพาไปก็ได้ลูกหลานพามาฉีดใกล้บ้าน รวมถึงบางจังหวัดยังมีการใช้กลยุทธ์พาเข็มไปหาแขน ส่วนข้อกังวลเรื่องผลข้างเคียงก็ได้เจ้าหน้าที่ รพ.สต.ช่วยสื่อสารทำความเข้าใจ ทำให้ยินยอมมารับวัคซีนมากขึ้น โดยจำนวนการฉีดจาก รพ.สต.จะทยอยรายงานเข้าระบบและจะได้ผลสรุปเร็ว ๆ นี้
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า ช่วงหลังสงกรานต์อาจมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มเสี่ยง 607 คือ ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรังจะมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อแล้วมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ จึงต้องช่วยกันเข้มมาตรการทำตนเองให้ปลอดเชื้อ (Self Clean Up) ด้วยการทำงานที่บ้าน 7 วัน ตรวจ ATK ก่อนกลับเข้าทำงาน และใช้มาตรการ 2U คือ Universal Prevention ป้องกันตนเองขั้นสูงสุด โดยสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง ลดการรวมตัวรับประทานอาหารภายในบ้าน โดยเฉพาะช่วง 2 สัปดาห์นี้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อไปยังผู้สูงอายุในบ้าน และ Universal Vaccination โดยขอความร่วมมือประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นยังมีความครอบคลุมประมาณ 36%เฉพาะผู้สูงอายุฉีดเข็มกระตุ้นครอบคลุม 39.4% ซึ่งตามเป้าหมายต้องการให้ได้ประมาณ 80% เพื่อลดอัตราการติดเชื้อ ลดความรุนแรงและการเสียชีวิต
*****************************
ข้อมูล : สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
19 เมษายน 2565