โครงการ ปันเสียง สร้างสุข
คณะผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มอบเงิน 150,000 บาทและ จัดทำโครงการ ปันเสียง สร้างสุข ให้กับผู้พิการทางสายตา ณ โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2567 โดยการอ่านนิทาน เล่าเรื่องราว ประกอบเสียงต่างๆ โดยมีนางสาวนิชญา ปราณีจิตต์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งเลขานุการศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เป็นประธานในพิธี
โครงการนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของโครงการกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility) ของคณะผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี อันสะท้อนความมุ่งมั่นของคณะผู้พิพากษาสมทบเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ ต่อสังคม รู้คุณค่าของการแบ่งปัน และเพื่อช่วยสร้างสรรค์สังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
นางรวมพร เกตุทัต ประธานผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กล่าวว่า “จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์สำคัญในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะเด็ก เพราะจะช่วยให้เกิดความคิดใหม่ ๆ และมีอิสระทางความคิด การอ่านก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาศักยภาพทางด้านสติปัญญา หากแต่ว่าคงเป็นปัญหาอย่างมากสำหรับผู้พิการทางสายตา เพราะไม่อาจมองเห็นหรือรับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรมเช่นคนปกติ การได้ยินเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสที่ผู้พิการทางสายตาใช้ทดแทนการมองเห็น ดังนั้น การอ่านนิทานให้เด็ก ๆ ผู้พิการทางสายตาฟัง ตามที่ได้จัดทำโครงการนี้ขึ้น เสริมด้วยเสียงประกอบ เพื่อสร้างความน่าสนใจ จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และเพิ่มทักษะต่าง ๆ ให้กับเด็ก ๆ ผู้พิการทางสายตา เพื่อที่จะแบ่งปันการอ่านนิทานให้สุขใจทั้งผู้เล่าและผู้ฟังเพื่อสร้างความสุข ความประทับใจ เพิ่มโอกาสได้เรียนรู้ และพัฒนาศักยภาพยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ คณะผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ได้นำอาหารว่างพร้อมอาหารเย็น เพื่อให้ น้องๆ ทุกคนได้อิ่มท้องไปพร้อมกับความสุขสนุกสนานในกิจกรรมครั้งนี้ พร้อมมอบเงินบริจาค แก่ มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดยมี นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ที่ปรึกษามูลนิธิฯ, นางเสาวณี สุวรรณชีพ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ, นางณัฏฐา มะระกานนท์ รองประธานกรรมการมูลนิธิฯ, นางอรวรรณ คราประยูร กรรมการมูลนิธิฯ และ นายประสงค์ สุบรรณพงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ พร้อมคณะครูและเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับพร้อมรับมอบเงินบริจาคดังกล่าว เพื่อใช้สนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิฯ ที่ยังต้องการแรงสนับสนุนจากทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร ในการร่วมมือช่วยเหลือผู้พิการทางการเห็น ให้มีการศึกษา มีอาชีพที่มั่นคง สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เช่นเดียวกับคนปกติทั่วไป