<เบี้ยเลี้ยง น้ำมัน อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ ในการทำงานของตำรวจ>
ช่วงเดือน พ.ย. 2547 ถึง พ.ย. 2549 ผมเป็น ผกก.สภ. เดชอุดม จว.อุบลราชธานี
ผมปรับเปลี่ยนการบริหารงานในหน่วยใหม่ แบบพลิกฟ้าพลิกดิน ให้ตำรวจทุกนาย ทุกระดับชั้นยศ ชั้นตำแหน่ง ทั้งฝ่ายปฏิบัติการ และ ฝ่ายอำนวยการ มีสิทธิหน้าที่ สิทธิประโยชน์ อันพึงมีพึงได้ ตามสิทธิ์ของตน ตามระบบราชการ เหมือนกันทั้งหมด
ผมพูดในที่ประชุมครั้งแรกของ สภ.เดชอุดม ประมาณนี้
<<เบี้ยเลี้ยง>>
<ด.ต.ธนศักดิ์ เจ้าหน้าที่การเงินบอกว่า ในอดีตที่ผ่านมาหลายยุคทุกสมัย มีการหักเงินเบี้ยเลี้ยงชั้นประทวน คนละ 100 บาท สัญญาบัตร คนละ 1,000 บาท รวมแล้วประมาณเกือบ 30,000 บาท เอาไว้ให้ ผกก.บริหารงาน ผมขอยกเลิกทั้งหมด>
ผมกวาดสายตามองหน้าทุกคนในที่ประชุม แล้วพูดต่อไปว่า <จะไม่มีการหักเบี้ยเลี้ยงในทุกกิจกรรม จ่ายเต็มตามสิทธิ์ ไปราชการ ก็สามารถเบิกได้ตามสิทธิ์>
ด.ต.ธนศักดิ์ ทำหน้าฉงน พูดขึ้นมาว่า <แล้วท่านจะเอาเงินที่ไหนมาบริหารงานล่ะครับ ?>
ผมตอบว่า <มี 10 บาท บริหาร 10 บาท มี 100 บาท บริหาร 100 บาท มีเท่าไหร่ ก็บริหารเท่านั้น ใช้<หัวใจ>ทำงาน>
ด.ต.ธนศักดิ์ ยิ้ม หัวเราะ
<<น้ำมันรถยนต์>>
<ด.ต.ธนศักดิ์ บอกว่า มีค้างหนี้เก่าอยู่กว่า 70,000 บาท ผกก. คนเก่าท่านเกษียณอายุราชการแล้ว บอกปั๊มแล้วกันว่า ผมจะทยอยจ่ายหนี้ให้ทุกเดือน สำหรับทุกแผนกงานจะมีน้ำมันใช้สำหรับติดต่องานกับ บก.ภ.จว. ผู้บังคับบัญชา ส่วนราชการอื่น ๆ และเมื่อไปราชการ เช่น ภ.3 หรือ ตร. ก็เบิกน้ำมันได้ตามสิทธิ์ นายตำรวจตั้งแต่ รอง ผกก. ลงไป ถึง ร.ต.ต. ผมจะจัดสรรน้ำมันรถให้ใช้ไปราชการเบิกได้อีกต่างหาก>
ตำรวจทุกนายในที่ประชุม มองมาที่ผม ใบหน้ามีรอยยิ้ม ฟังผมพูดการบริหารงานต่อ
<<อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ในการทำงาน>>
<ผมขอพูดให้ชัดเจนว่า ถ้าเบิกหลวงไม่ได้หรือไม่มี แต่จำเป็นต้องใช้ ไม่ยังงั้นงานเสียหายก็ให้มาบอกผม จะได้ให้เงินไปซื้อมาจากร้านค้า ถ้าผมไปประชุมหรือไปราชการ ก็ให้ซื้อเชื่อไว้แล้วผมกลับไปจ่ายเอง>
<<การทำงาน>>
<ทำงานตามหน้าที่ถ้ามีปัญหา ไม่ว่าเรื่องอะไรผมปกป้อง ต่อสู้ให้เต็มที่ ถ้าผิดพลาดไปโดยความประมาท พลาดพลั้ง ไม่ตั้งใจ ผมให้อภัย แก้ไขให้ และแนะนำสั่งสอน แต่ถ้าตั้งใจทำผิดต่อหน้าที่ราชการ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ถูกต้อง ก็ว่าตามระเบียบราชการเช่นเดียวกัน>
หลังจากการประชุมขี้แจงนโยบายการบริหาร และการทำงานของผมตำรวจได้จับกลุ่มคุยกันมีเสียงเล็ดลอดออกมาว่า
<จะไปไหวไหมน้อ !>
ตำรวจทั้งโรงพักมีความตื่นตัวในการทำงาน เพราะอะไร ๆ ที่เป็นสิทธิ์ ของพวกเขาดูคล่องตัวไปหมด
ผลงานล่ะ เป็นอย่างไร ?
<<งานฝ่ายอำนวยการ>>
ทุกหน้างาน เลื่อนไหลไปด้วยดีไม่มีสะดุด
<<งานปฏิบัติการ>>
มีผลงานได้ตามเป้าหมายที่ผู้บังคับบัญชามีคำสั่ง ทั้งการป้องกัน การปราบปราม และการจับกุม
ช่วงหนึ่ง ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งถึงทุก สภ. ให้ระดมจับกุมบุคคลตามหมายจับ
หมายจับออกโดย<ศาล> <หมายจับที่มีปัญหา ?> คือหมายจับที่มีแต่ตำหนิรูปพรรณผู้กระทำความผิด ไม่รู้ตัวผู้กระทำความผิด
และหมายจับที่มีแต่ชื่อเล่น ไม่รู้ชื่อจริง นามสกุลจริงของผู้กระทำความผิด
ปัญหาหมายจับในส่วนนี้ ผมได้ไปปรึกษากับท่านผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเดชอุดม
ผมบอกท่านว่า <ตำรวจอาจจะผิดพลาดในการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับผิดตัว หรือไม่อย่างนั้น ก็จะกลายเป็นหมายจับค้างเก่าตลอดไปเพราะไม่รู้จะจับใคร ? การแก้ไขคือ ศาลสามารถยกเลิกหมายจับ หรือเพิกถอนยกเลิกหมายจับ ได้หรือไม่ ?>
ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเดชอุดม เห็นด้วย แต่บอกว่า <หมายจับนั้น ออกโดยผู้พิพากษาแต่ละท่าน หลายท่านก็ย้ายไปแล้ว ขอปรึกษากับผู้พิพากษาท่านอื่น ๆ ดูก่อน>
ต่อมา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเดชอุดม ให้ผมนำหมายจับ ชุดที่มีปัญหา ไปพบท่าน ที่ศาลจังหวัดเดชอุดม ท่านได้กรุณาทำการเพิกถอนหรือยกเลิกหมายจับที่มีปัญหา ของ สภ.เดชอุดม รวมยี่สิบกว่าหมาย ผมรายงานผู้บังคับบัญชาทราบถึงแนวทางปฏิบัติ
ผมไปสัมมนาเรื่องหมายจับที่ ตร. ผมก็พูดเรื่องนี้ มีทั้งเห็นด้วย มีทั้งชื่นชม มีทั้งบอกว่า ไม่น่าเป็นไปได้ ที่ศาลจะเพิกถอนหรือยกเลิกหมายจับ ถ้าไม่ใช่ตัวผู้พิพากษาผู้ออกหมายเอง
นานาจิตตัง นานาเหตุผล
<แต่ทำไมต้องไปคิดแทนผู้พากษาด้วย ?>
ในส่วนของโรงพัก
<ผมมอบหมายให้ตำรวจฝ่ายปฏิบัติการ รับผิดชอบหมายจับคนละ 1 หมาย>
ด.ต.สุดี ตำรวจหน้าห้องมาบอกผมว่า <มีลูกน้องมาขอพบท่านหลายคนครับ>
ผมบอกให้เข้ามาได้
ตำรวจที่มาขอพบ ล้วนแล้วแต่เป็นตำรวจที่ทำหน้าที่ฝ่ายอำนวยการ มีนายหนึ่งพูดขึ้นว่า <ท่านผู้กำกับครับ พวกผมมาขอหมายจับครับ>
ผมมองและฟังตัวแทนตำรวจฝ่ายอำนวยการพูด ด้วยความสุขใจ แล้วผมก็พูดว่า <ช่วยผมทำงานอำนวยการอย่างเต็มที่แล้ว จะไปลุยภาคสนามอีกหรือ ?>
ตำรวจอีกนายพูดว่า <พวกผมส่วนมากเป็นคนพื้นที่ อีกหลาย ๆ คนแม้ไม่ใช่คนพื้นที่ ก็อยู่ที่นี่มานาน รู้จักคนเยอะครับ>
อีกนายพูดว่า <หมายจับคดีฆ่า ผู้ต้องหาคนนี้ผมรู้จักบ้าน รู้จักพ่อแม่เขาดี ได้ตัวแน่ครับ>
ตำรวจอีกนายหนึ่งก็พูด <พวกผมไม่เคยอาสาเจ้านายคนไหนทำงานนะครับ แต่ท่านสนใจพวกผม เข้าใจพวกผม ดูแลพวกผมดี พวกผมจึงอยากช่วยงานท่านครับ>
ผมฟังแล้ว ปลื้มใจมาก จนถึงมากที่สุด ที่มีลูกน้องเช่นนี้ จึงพูดว่า <ขอบคุณครับ ขอบคุณทุกคนที่มีน้ำใจ งั้นเอาไปคนละหมายนะ เลือกเอาเลยครับ>
จากกรณีที่ฝ่ายอำนวยการมาขอหมายจับนี้ ทำให้ผมได้พิจารณาใช้เป็นแนวทางในการมอบหมายจับ ให้ตำรวจทุกนายในโรงพักรับผิดชอบหมายจับอย่างน้อยคนละ 1 หมาย
ขอบอกว่า ทุกคนแสดงท่าทีเต็มใจและให้ความร่วมมือมาก มีตำรวจทั้งฝ่ายปฏิบัติการและฝ่ายอำนวยการอีกหลายนายที่ทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้แล้วมาขอหมายจับเพิ่มอีก
น้ำใจลูกน้องในการทำงาน ช่างยิ่งใหญ่มหาศาลจริง ๆ
ในการประชุมบริหารของ ภ.จว.อุบลราชธานี วาระเรื่องการเร่งรัดจับกุมบุคคลตามหมายจับ สภ.เดชอุดม มีสถิติ ผลการจับกุมสูง และติดอันดับ 1 ใน 3 มาตลอด
ผกก.สภ.ใหญ่ ๆ บางแห่ง ส่งชุดสืบสวน มาสอบถามข้อมูลแนวทางปฏิบัติ พอรู้ว่ามีตำรวจฝ่ายอำนวยการมาขอหมายจับไปติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับเองด้วย ก็ทำสีหน้างง ๆ ว่า เป็นไปได้อย่างไร ?
อย่างงเลย ! ตำรวจหน้าที่อะไร ? ก็เป็นตำรวจทั้งนั้น เคยผ่านการฝึกอบรมมาเหมือนกันหมด ทั้งการตรวจค้น การจับกุมการควบคุม การใช้เครื่องพันธนาการ เป็นต้น ที่สำคัญ มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายด้วย
<เพียงแต่งานที่ทำด้วยใจ งานที่ผู้ทำเอาใจใส่ และใส่ใจเข้าไปด้วย ย่อมมีความงดงามของผลสัมฤทธิ์ และความสำเร็จตามมาเสมอ>
ป.ล.
<อดีต>ที่ผ่านมา งบประมาณ เบี้ยเลี้ยงน้ำมัน อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ก็ได้เหมือน ๆ กัน
โรงพักใหญ่ กำลังพลเยอะพื้นที่แยะ ก็ได้มากหน่อย โรงพักเล็ก กำลังพลน้อย พื้นที่นิด ก็ได้ลดหลั่นกันลงมา มันเป็นเช่นนี้มานานเนกาเลแล้ว ทุกอย่าง <อยู่ที่กึ๋นของการบริหารจัดการ>
แต่โลก<ยุคปัจจุบัน>มันเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก
ฟัง ส.ส.หญิง พูดเรื่องเกี่ยวกับตำรวจในสภา มันก็น่าฟังอยู่นะ มันแฝงความจริงอยู่นะ
ถ้าจะเปรียบเทียบไป คนร้ายใช้นิ้วเดียวกดปุ่มก่อวินาศกรรมได้ แต่ตำรวจ ก็ยังใช้หมามาดมกลิ่นอยู่เลย
ตำรวจใหญ่ ที่มีคุณวุฒิ ป.โท ป.เอก ก็มีอยู่ แต่ตำรวจผู้น้อย ที่มีคุณวุฒิ ป.โท ป.เอก ก็มีมากมายหลายร้อยนาย ทำไมไม่ส่งเสริม ไม่เอามาใช้งาน
ถ้าเฉยเมยต่อไป จะมีตำรวจคนไหนอยากพัฒนาตัวเองบ้างล่ะ ?
ตร. ควรทำอย่างไร ? รัฐบาล ควรทำอย่างไร ?
นายกรัฐมนตรี ผู้บังคับบัญชาโดยตรง ควรบริหารงานตำรวจอย่างไร ?
ขอให้รีบคิด รีบทำ นะครับ
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท