<ขวัญ กำลังใจ>
สิ่งที่คนรับราชการต้องการอย่างยิ่ง จากผู้บังคับบัญชาและองค์กรนั้น คือ <ขวัญและกำลังใจ> เช่น ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตราชการ ด้วย <ระบบคุณธรรม> สิทธิประโยชน์ ที่พึงมีพึงได้ จากการปฏิบัติหน้าที่ เช่น เบี้ยเลี้ยง รางวัล ขั้น ยศ ตำแหน่ง สวัสดิการด้านต่าง ๆ เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียนบุตร รวมถึงอุปกรณ์การทำงาน เช่นโต๊ะ เก้าอี้ กระดาษ หมึกพิมพ์ อุปกรณ์คอมพิมเตอร์
<ซึ่งควรจักต้องทำ> ในขณะที่เขายังรับราชการอยู่ ยังมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์ <ไม่ต้องรอ> ขอเน้นย้ำว่า ไม่ต้องรอ…จนกระทั่งเขาเหล่านั้น…บาดเจ็บสาหัส พิการ หรือตายไป จากการปฏิบัติหน้าที่
<โดยพิจารณา> ผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงาน การพัฒนาเพิ่มพูนคุณวุฒิที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ในองค์กร ความรู้ความสามารถที่โดดเด่นด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กร และอาวุโสที่ทรงคุณค่า
<เพื่อที่เขาเหล่านั้น> จะได้มีความภาคภูมิใจในตนเองมีความรู้สึกจงรักภักดีต่อองค์กรสามารถดำรงตนอยู่ในสังคมได้ อย่างมีเกียรติยศและศักดิ์ศรี
<สิ่งที่ตามมา> คือความทุ่มเทและเสียสละ ในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยอุดมคติ ด้วยอุดมการณ์ และด้วยหัวใจ
<ผู้รับผลประโยชน์> คือประชาชนและประเทศชาติ
<ผู้ได้รับคำสรรเสริญ> คือองค์กรและผู้บังคับบัญชา มิใช่หรือ ?
ผมเป็นตำรวจคนหนึ่งที่ทุ่มเทให้กับการทำงาน ในทุกตำแหน่ง ทุกหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย เรื่องราวต่าง ๆ ที่เขียนมานับร้อย ๆ เรื่อง เป็นการบอกเล่าความจริงที่มีพยานบุคคล สถานที่ สิ่งแวดล้อม วันเวลา ยืนยัน ขอยกตัวอย่างบางเรื่อง
ผมเคยสอบสวนคดีใหญ่ จนปรมาจารย์สอบสวน พล.ต.ต.แสวง ธีรสวัสดิ์ ผบก.น.ใต้ เขียนด้วยลายมือชมเชยหน้าสำนวนการสอบสวน ได้สองขั้นยศ เป็น ร.ต.ท. ติดยศ ร.ต.ท. มา 8-9 เดือน <ถูกถอนคำสั่ง> ให้ไปเป็น ร.ต.ต. เหมือนเดิม เพราะเรื่องที่เคยถูกฟ้องแต่ไม่ถูกตั้งกรรมการฯ มันยังไม่จบ ชะตา เป็นซะยังงั้น
ผมทำผลงานปราบปรามยาเสพติดช่วงสงครามยาเสพติด ก.พ.-เม.ย. 2546 จับกุมผู้ต้องหาคดีจำหน่ายยาเสพติด เกือบยี่สิบหมาย
ได้ครบทุกหมายภายในสัปดาห์ที่สาม ของเดือน ก.พ. โดยผู้ต้องหาทุกรายเข้ามามอบตัวกับผม
ทั้ง ผวจ. ผบก. ให้ผมไปพูดถึงแนวทางปฏิบัติในที่ประชุมให้ นอภ. ผกก. หน.สภ. ฟัง ฟังแล้ว ให้ไปทำตามแต่ไม่มีใครทำได้ <หรือไม่ทำก็ไม่รู้> เหลือเชื่อไหมล่ะ ?
แต่ที่เหลือเชื่อกว่านั้น คือขั้นพิเศษยาเสพติดที่อำเภอได้รับมา 5 ขั้น ฝ่ายต่าง ๆ ได้หมด <ยกเว้นผม> พอผมไปถามนายอำเภอพูดว่า
<ให้คนอื่นไปหมดแล้ว ผู้กำกับเป็นคนเก่งคิดว่านายต้องให้อยู่แล้ว>
ผมไปถามผู้บังคับบัญชาก็บอกว่า <ม้าวิ่งนอกสนามย่อมไม่ได้ขั้น> กินแห้วครับ รสชาติเฝื่อนใจมาก
ช่วงมวลชนมีการชุมนุมใน จว.อุบลราชธานี ผมไม่ต้องใช้กำลัง คฝ. <ผมคนเดียว> สามารถเจรจาสร้างความเข้าใจกำหนดขอบเขตการชุมนุมและการทำกิจกรรมจบเรียบร้อยทุกกลุ่ม และทุกครั้ง
การชุมนุมใน กทม. ผมนำกำลัง คฝ. 1 กองร้อย ออกไปปฏิบัติงานภาคสนาม ทุกม็อบ ทุกมวลชน ยิงจริง ระเบิดจริง เจ็บจริง ตายจริง ผมทำตามหลักการ ที่ผมคิดขึ้นมาเองจากหัวใจ <เป็นหัวหน้า ต้องกล้าทำ> <เป็นผู้นำ ต้องกล้าสู้> <เป็นนาย ต้องกล้าอยู่คู่ลูกน้อง> ผมไม่เคยทิ้งลูกน้องและไม่เคยหนีเอาตัวรอด มีแต่พาลูกน้องอยู่รอดปลอดภัย
ครบกำหนด ลูกน้องต้องสับเปลี่ยนกำลัง ส่วนผม <ไม่มีคนมาเปลี่ยน แต่กลับถูกสับ> ผู้บังคับบัญชาบางคนให้ <เบี้ยเลี้ยง> ผม ได้เท่าลูกน้อง ส่วน รอง ผบก.ภ.จว.อื่น ๆ ได้แบบเหมาจ่ายมากกว่าผมสามเท่ากว่า
โชคดีที่ผมเคยอยู่ บช.น. มาหลาย สน. เลยอาศัยพรรคพวกที่รู้จักคุ้นเคย สมัยเป็น รอง สว. ติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน เช่น เฮียเอก น้องต้อ น้องเกี้ย เพื่อนสือ พากันสนับสนุนทั้งอาหารเสริม ผลไม้เสริมให้กับลูกน้องทั้งกองร้อย
เหตุการณ์สงบ ผมนำกำลัง คฝ. กลับที่ตั้ง คุมงานสอบสวนต่อ <ไม่เคยเห็นสองขั้น> เพราะผลงานของการเป็น คฝ. และงานสอบสวนถึงแม้จะ <เด่น> แต่คงไม่ <โดน> สู้ผลงานอื่นไม่ได้ <มั้ง ?>
ของแถมที่โหดร้ายเรื่องนี้ ขนาดผมเป็น รอง ผบก. เพียงคนเดียว ใน 5 คน ที่สามารถประสานกับมวลชนเสื้อสี ใน จว. 8 แดง 2 เหลือง 1 อโศก และผมเพิ่งจะอยู่ครบ 2 ปี
ในการพิจารณาแต่งตั้งและโยกย้ายประจำปี ผู้บังคับบัญชาบางท่าน เล่าให้ผมฟัง สรุปโดยย่อว่า มีเทวดาจะมาลง ผมถูกเสนอชื่อให้ย้าย ย้ายไป และย้ายต่อไป จนมีคนคัดค้านว่า <แล้วใครจะประสานงานกับมวลชน> ชื่อผม จึงได้กลับคืนที่เดิม
ทำงาน แต่ไม่มีเส้น ลูกเล่นกับนาย ก็ทำไม่เป็น จึงต้องกระเด็นกระดอน ไป ๆ มา ๆ อย่างนี้
จากบางตัวอย่าง บางเรื่องราวที่เล่ามานั้น <ขวัญ กำลังใจ> เป็นสุดยอดปรารถนาของคนทำงานทุกคน ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องการ
แต่ก็พาลผิดหวังอยู่ร่ำไป แต่แปลกแฮะ !!! ถึงผมไม่ค่อยจะได้รับขวัญ และกำลังใจ <<ผมก็ไม่เคยเสียขวัญ>> <<ไม่เคยเสียกำลังใจ>> ในการทำงาน
<ผมมีความสุขทุกครั้ง> ที่ทำงานในหน้าที่สำเร็จไม่ว่าจะเป็นงานใดก็ตาม <ผมสบายใจทุกครั้ง> ที่ช่วยแก้ปัญหาในการทำงานให้นาย ให้เพื่อนร่วมงาน และให้ลูกน้อง โดยเฉพาะการช่วยเหลือ ประชาชนให้พ้นทุกข์
ผมคิดว่าที่ผมไม่ค่อยได้รับขวัญ และกำลังใจจากผู้บังคับบัญชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงเป็นเพราะผมอาจจะมี <กรรมเก่า> เยอะมากจนบุญใหม่ กรรมดีใหม่ ที่ทำในชาติปัจจุบัน ตามไม่ทัน
โยนให้เป็นเรื่องของกรรมไปซะ จะได้ทำใจได้ไม่ต้องคิดมาก แต่ใครจะคิดว่าช่วง 8 เดือนเศษ ก่อนที่ผมจะเกษียณอายุราชการ มีอัศวินม้าขาวพูดกับผมว่า <พอใจการทำงานของไอยศูรย์ จะให้เป็นนายพลนะ>
ฤาบางที ขวัญ กำลังใจที่ผมไม่ค่อยจะได้รับนั้นได้สะสมพอกพูนขึ้นมา เพื่อส่งเป็นของขวัญ เป็นกำลังใจ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของการรับราชการให้กับผมนอกวาระการแต่งตั้ง
ขอบพระคุณ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อัศวินม้าขาว ขอบพระคุณผู้บังคับบัญชา ที่เคยให้ขวัญ ให้กำลังใจ แม้บางคน แค่พูด แต่ไม่เคยให้ขั้น ให้ยศ ให้ตำแหน่ง ก็ตาม
ขอบพระคุณ กฎแห่งกรรมที่พิสูจน์ให้น้อง ๆ ตำรวจได้เห็นว่า มีจริงเพราะน้องบางคน อาทิเช่น พ.ต.อ.สุธีร์ เศรษฐวงศ์ เคยพูดดัง ๆ ว่า <ถ้าพี่ไอยศูรย์ ไม่ได้เป็นนายพลผมจะไม่เชื่อว่ากฎแห่งกรรม มีจริง>
หลวงพ่อพุทธทาส ภิกขุ ท่านได้กล่าวสั่งสอนเอาไว้ <การทำงาน คือการปฏิบัติธรรม>
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ที่ทำงานอย่างตั้งใจ อย่างจริงใจ อย่างบริสุทธิ์ใจครับ
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท