กรมการปกครอง บุกทลายบ่อนไฮโล กลางตลาดเคหะร่มเกล้า รวบนักพนันเกือบร้อย!!
อธิบดีกรมการปกครอง สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองนำกำลังบุกทลายบ่อนพนันไฮโล กลางตลาดเคหะร่มเกล้า พบเปิดมาไม่ต่ำกว่า 2 เดือน สามารถรวบนักพนันได้เกือบร้อย หลัง “ชาวบ้าน” ร้องเรียนครอบครัวติดพนันงอมแงม พร้อมเตรียมประสานหน่วยงานด้านการสืบสวนขยายผลหาตัวนายทุนที่อาจเข้าข่ายผู้มีอิทธิพล หลังพบสัญญาณบ่อนพนันเริ่มกลับมาเปิดกลางชุมชน
วันนี้ (28 ก.ย. 66) เวลา 17.00 น. นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง สั่งการให้นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองพร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน กว่า 30 นาย เข้าจับกุมบ่อนการพนันไฮโลใจกลางตลาดเคหะร่มเกล้า เขตลาดกระบัง ซึ่งเป็นบ่อนการพนันใกล้ชุมชน มีผู้คนพลุกพล่าน โดยสามารถจับกุมนักพนันได้เกือบ 100 ราย
นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า ปฏิบัติการบุกทลายบ่อนพนันไฮโล กลางตลาดเคหะร่มเกล้าในครั้งนี้ มีที่มาจากศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่า “ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน” เนื่องจากมีบ่อนการพนันในพื้นที่ ทำให้คนในครอบครัวไม่ทำมาหากิน ติดการพนันงอมแงม ทั้งที่อยู่ในตลาด ไม่ห่างจากสถานที่ราชการ แต่กลับเปิดได้อย่างเย้ยกฎหมาย ชาวบ้านผู้ทำมาหากินสุจริตทนไม่ไหว ร้องไปหลายหน่วยงานแต่เรื่องก็ยังไม่ได้รับการแก้ปัญหา โดยศูนย์ดำรงธรรมฯ ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า บ่อนการพนันดังกล่าว ก่อนหน้านี้เคยมีการให้เล่นหลากหลายประเภท ทั้ง ไพ่เสือมังกร ไพ่บาคาร่า แต่ปัจจุบันเหลือเพียงแต่ไฮโล นักพนันภายในบ่อนเล่าว่า “เค้าไม่ให้ตั๋วแล้ว ให้เล่นแค่นี้”
“กรมการปกครองได้ส่งสายลับพนักงานฝ่ายปกครองลงพื้นที่สืบสวนข้อเท็จจริงและได้รับรายงานว่า บ่อนการพนันดังกล่าว เป็นอาคารพาณิชย์สองชั้น อยู่ใจกลางตลาดสดเกรียงไกร เขตลาดกระบัง อยู่ติดถนนใหญ่กลางชุมชนและร้านค้าจำนวนมาก ไม่มีรั้วรอบขอบชิดหรือปิดบังสถานที่ใด ๆ แถมยังมีพนักงานของบ่อนเดินมาโบกมือเรียกนักพนันเข้าเล่นอย่างไม่อายผู้คน ไม่เกรงกลัวกฎหมาย อีกทั้งสถานที่ตั้งอยู่ใจกลางตลาด นักพนันสามารถซื้อหาอาหารเข้าไปกินภายในบ่อนพร้อมเล่นพนันได้อย่างสบายใจเหมือนสถานที่แห่งนี้ไร้ซึ่งกฎหมาย โดยด้านในบ่อน ด้านล่างเป็นบริเวณที่จัดให้เล่นการพนัน สามารถจุนักพนันได้ร่วม 200 คน มีอาคารรอยต่อก่อนเข้าห้องโถงที่จัดให้เล่นการพนันไว้สำหรับให้นักพนันพักผ่อน และสามารถนำรถจักรยานยนต์เข้าไปจอดได้ นอกจากนี้บริเวณอาคารดังกล่าวยังมีกล้องวงจรปิดอีกจำนวนมาก ถึง 23 ตัว ภายในมีห้องกระจกมีจอทีวีขนาดใหญ่สำหรับสังเกตการณ์จากกล้องวงจรปิด ซึ่งคาดว่าผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ดูแลบ่อนแห่งนี้ สังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา และยังสืบทราบข้อมูลทางลับพบว่าเป็นเครือข่ายเดิมจากบ่อนการพนันที่เชียงใหม่ ซึ่งกรมการปกครองได้มีการจับกุมไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา” นายแมนรัตน์ฯ กล่าว
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง กล่าวว่า จากการสนธิกำลังพนักงานฝ่ายปกครองและกำลัง อส. เข้าทลายบ่อนการพนันไฮโลในวันนี้ พบมีพนักงานจำนวนมาก โดยสามารถสังเกตได้จากเสื้อที่เป็นยูนิฟอร์มเหมือนกัน พนักงานผู้ทำหน้าที่จัดให้เล่น แจกเงิน เก็บเงิน เป็นคนต่างด้าวประเทศเพื่อนบ้าน แต่การ์ดของร้านจะเป็นคนไทย และจะอยู่เฝ้าทุกประตูที่มีการเข้าออก นอกจากนี้ หากนักพนันผ่านประตูแรกจะต้องฝากโทรศัพท์มือถือไว้ห้ามนำเข้าอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ยังพบตู้สลอตแมชชีนสำหรับหยอดเหรียญเพื่อพนัน อีก 3 ตู้ ซึ่งภายหลังการเข้าตรวจค้น จับกุม ได้พบนักพนันรวมเจ้ามือ จำนวน 67 คน ซึ่งฝ่ายปกครองชุดจับกุมได้ประสานพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลร่มเกล้า ทำการยึดอายัดตู้อุปกรณ์การเล่นการพนันดังกล่าว พร้อมนำตัวผู้ถูกจับกุมทั้งหมดไปทำบันทึกจับกุม ณ สถานีตำรวจนครบาลร่มเกล้า ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันโดยผิดกฎหมาย และส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีต่อไป
“บ่อนแห่งนี้เปิดเล่นพนันใจกลางตลาด ท้าทายกฎหมายอย่างไม่เกรงกลัว หากผู้อยู่เบื้องหลังไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าของบ่อนอาจเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล ต้องมีการสืบสวนสอบสวนขยายผลไปให้ถึงเจ้าของบ่อนตัวจริง เพื่อเป็นไปตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อจัดระเบียบสังคมและดำเนินการกับผู้มีอิทธิพล สร้างสวัสดิภาพความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนมีเบาะแสบ่อนการพนันหรือแหล่งอบายมุขสร้างความเดือดร้อนในพื้นที่ สามารถแจ้งฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ โดยหากแจ้งแล้วยังไม่มีการปฏิบัติ สามารถร้องเรียนได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง” นายรณรงค์ฯ กล่าวเพิ่มเติม