การเมืองคู่ “กองทัพ”
กองทัพ ต้องเป็นเอกภาพ
แยกไม่ออกว่า “ข่าวลือ” จะเป็น “ข่าวจริง”
การเมืองกับกองทัพ แยกกันไม่ออก มาแต่ไหนแต่ไร ? ยิ่งมี “ข่าวลือ” ดักทางว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง “รัฐประหาร” ท่ามกลางแรงกระเพื่อมของสถานการณ์ “ขั้วอำนาจเดิม” ทำให้หลายฝ่ายจับตาการเคลื่อนไหว “กำลังหลักกองทัพ” มากขึ้น
โดยเฉพาะท่าที “พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้” ผบ.ทบ. ซึ่งกุมอำนาจหลัก รวมถึง ผบ.เหล่าทัพคนอื่น ๆ คือ “บิ๊กเฒ่า” พล.ร.อ. สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. และ “บิ๊กป้อง” พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ. ที่จะเกษียณฯ ปลายปีนี้ ส่วน “บิ๊กบี้” พล.อ. ณรงค์พันธ์ เหลือเวลา ถึงกันยายน ปีหน้า ( 2566 )
รู้กันว่า ผบ.ทบ. ยังมีตำแหน่งเป็น ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 ที่ได้ชื่อว่า เป็นทหารสาย Royalist ที่มีความจงรักภักดีและปกป้องสถาบันมาตลอด
กองทัพภาคที่ 1 เป็นกองทัพสำคัญ ที่มิได้มีขอบเขตคุมแค่เมืองหลวงเท่านั้น ยังคุมพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก-ตะวันตก มีหน่วยขึ้นตรงเป็นแขนขาอีกหลายแห่ง นับว่ามีบทบาทสำคัญสำหรับการปฏิวัติรัฐประหารทุกครั้ง
วันนี้แม้ทหารคอแดง ยึดเก้าอี้ ผบ.พล และแม่ทัพภาคที่ 1 มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ทั้งหมดล้วนเป็นทหารเสือ หน่วย ฉก.ทม.รอ. 904 ที่จงรักภักดีสูงสุด ทั้งสิ้น !
ดังนั้นหันไปทางไหน ขุมกำลังหลักที่ชี้เป็นชี้ตาย สำหรับเงื่อนไขการปฏิวัติรัฐประหาร จึงมองไม่เห็นทาง ว่าใครจะเป็นหัวหอก ?
“ข่าวลือ”! เป็นเรื่องปกติ แต่การเอา “ข่าวลือ” มาทำเป็น “ข่าวจริง” นั้น “ผิดปกติ ” !
ในแวดวงการเมือง-การทหาร มักมีการสร้างข่าวลือให้เป็นจริง ลือกันเป็นตุเป็นตะ ขยายขอบเขตกว้างออกไป นักสร้างกระแส อาจสามารถดึงดูดผู้คนได้โดยง่าย ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นกับสังคม เกิดความแตกแยกมามากแล้ว !
“การเมืองร้อนทีไร มักร้อนถึงกองทัพทุกครั้ง !”
แต่ถึงอย่างไร ? ก็ไม่มีใครรับประกันได้..100 %
เพราะ “ข่าวลือ” มักจะมาก่อน “ข่าวจริง” เสมอ !
000 000 000