เลขา ป.ป.ส. สั่งคุมเข้มลักลอบขนยาทางพัสดุภัณฑ์ ตรวจยึดยาบ้า 2 แสนเม็ด ขณะกำลังลงใต้
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส เผยผลการจับกุมผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2566 โดย ปปส.ภ.1 ร่วมกับ สภ.ไทรน้อย จับกุม นายเกษม เรืองแจ่ม อายุ 23 ปี ชาว จ.ปทุมธานี พร้อมยาบ้า 200,000 เม็ด ซุกซ่อนในเตาอบไฟฟ้าบรรจุในกล่องพัสดุ จำนวน 2 กล่อง เหตุเกิดที่ บริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง สาขาไทรน้อย ต.คลองขวาง อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี โดยพัสดุกล่องที่ 1 ยาบ้า 148,000 เม็ด (74 มัด) น้ำหนัก 27.13 กิโลกรัมพัสดุกล่องที่ 2 ยาบ้า 52,000 เม็ด (26 มัด) น้ำหนัก 11.68 กิโลกรัม ระบุผู้รับ วริศรา ที่อยู่ 143/5 ม.7 ต.นาเคียน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ คดีการจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2566 ปปส.ภ.8 ร่วมกับ สภ.ทุ่งใหญ่ และ เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ร.25 จับกุม นายนพรุจ หรือรุจ จุงจงกล พร้อมยาบ้า 12,131 เม็ด บรรจุอยู่ในกล่องพัสดุของเอกชนแห่งหนึ่ง (น้ำหนัก 13.7 กิโลกรัม) ซึ่งระบุชื่อผู้รับ วริศรา (ชื่อเดียวกันกับครั้งนี้) ที่อยู่ 292 ม.2 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่
ปปส.ภ.8 จึงประสาน ปปส.ภ.1 ตรวจสอบข้อมูลผู้ส่งพัสดุ ทำให้ทราบว่าผู้ส่ง เป็นชายไม่ทราบชื่อ มาส่งพัสดุแล้วหลายครั้ง กระทั่งวันที่ 13 มกราคม 2566 ปปส.ภ.1 พบว่าบุคคลดังกล่าวได้นำพัสดุมาส่งอีกครั้ง จึงมาตรวจสอบ และสามารถตรวจยึดพัสดุ 2 กล่อง ซุกซ่อนยาบ้า 200,000 เม็ด พร้อมจับกุม นายเกษม เรืองแจ่ม จากการสอบปากคำ นายเกษม ฯ ยอมรับว่าเป็นผู้ส่งพัสดุที่ซุกซ่อนยาบ้า 200,000 เม็ดในคดีดังนี้ รวมทั้งคดีวันที่ 7 มกราคม 2566
จากการสอบปากคำ นายนพรุจฯ ผู้ถูกจับพร้อมยาบ้า 12,131 ในคดีวันที 7 มกราคม 2566 ให้ข้อมูลว่าได้รับการว่าจ้างจากบุคคลไม่ทราบชื่อ ซึ่ง นายเกษมฯ เรียกว่า “อา” โดยตนติดต่อกับ “อา” ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ชื่อ “PGarageAUTO” และจะสั่งให้ไปรับยาเสพติดตามจุดที่แจ้ง ก่อนนำมาบรรจุในพัสดุเพื่อส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ ทำมาแล้วหลายครั้ง ในครั้งนี้ไปรับยาเสพติดที่ข้างเสาไฟฟ้า ซ.โรงสวด ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นำมาบรรจุในเครื่องใช้ไฟฟ้า และนำส่งตามคำสั่ง ได้รับค่าจ้างครั้งละ 10,000 – 25,000 บาท ค่าจ้างที่ได้รับใช้วิธีฝากผ่านตู้ฝากเงินอัตโนมัติธนาคาร
เลขาธิการ ป.ป.ส กล่าวว่า “ปัจจุบันจะเห็นว่าการใช้ขนส่งทางพัสดุภัณฑ์ผ่านบริษัทเอกชนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ต้นทุนมีราคาถูก ถูกนำมาใช้เป็นช่องทางในการกระจายยาเสพติดไปยังผู้เสพและผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการติดต่อสื่อสารทาง Appication ต่าง ๆ เพื่อซื้อ-ขายยาเสพติด และจะส่งยาเสพติดให้ผู้ซื้อผ่านช่องทางการรับจ้างขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ในลักษณะการอำพรางกับสินค้า นอกจากจะสะดวกทั้งเรื่องเวลาและค่าใช้จ่าย ยังหลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ แต่จะเห็นได้ อย่างกรณีเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ป.ป.ส. ร่วมกับตำรวจ ภ.5 จับกุมผู้ต้องหาขนส่งยาบ้า 384,000 เม็ด ผ่านบริษัทขนส่ง และได้กขยายผลยึดทรัพย์ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย ได้กว่า 31 ล้านบาท สอดคล้องตามนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เน้นย้ำให้ขยายผลถึงผู้สั่งการ กรณีนี้ในเบื้องต้น คือ “อา” ซึ่งข้อมูลจากโทรศัพท์ที่ติดต่อ ข้อมูลการส่งไปรษณีย์ และการโอนเงิน ในทางกลับกันก็เป็นหลักฐานสำคัญในการขยายผลเช่นกัน”
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวทิ้งท้าย “การส่งการส่งสิ่งผิดกฎหมายทางไปรษณีย์ กรณีพบว่าเจ้าของหรือผู้ดำเนินกิจการสถานประกอบการรายใดที่มีพฤติการณ์ในการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามประกาศในลักษณะที่เป็นการปล่อยปละละเลย ให้ความร่วมมือ หรือสนับสนุนการกระทำความผิด จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด จะมีโทษปรับ ตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท จึงขอเน้นย้ำผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวอย่างเคร่งครัด”