ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล คุก

“191 บุกทลายเครือข่ายจำหน่ายยาเสพติดออนไลน์ บังมัส”


30 ธันวาคม 2022, 15:25 น.

 

“191 บุกทลายเครือข่ายจำหน่ายยาเสพติดออนไลน์ บังมัส”

 

ตามนโยบายของรัฐบาลให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐปราบปรามกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด เนื่องจากเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง และเป็นต้นเหตุของการเกิดอาชญากรรมในสังคม อันจะส่งผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งรัด กวดขัน สืบสวนปราบปรามจับกุม ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดทุกข้อหา มุ่งเน้นข้อหาความผิดร้ายแรง ได้แก่ การครอบครองยาเสพติดเพื่อการค้า จำหน่าย ผลิต นำเข้า ส่งออก สมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือแก่กลุ่มเครือข่ายยาเสพติด

 

กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์, พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์, พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง, พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เป็นผู้ควบคุมสั่งการ

 

กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ โดย พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี, พ.ต.อ.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ, พ.ต.อ.โรจนินทร์ ทองใบ, พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล และ พ.ต.อ.กรกฎ โปชยะวณิช รอง ผบก.สปพ. กองกำกับการสายตรวจ โดย พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ท.นิพนธ์ นิธิการุณย์เลิศ, พ.ต.ท.จักริน พิริยะจิตตะ, พ.ต.ท.โชติช่วง รัศมี และ พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร รอง ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ท.ไพบูลย์ สอโส สว.งานสายตรวจ 1, ว่าที่ พ.ต.ท.เชษฐพร บัวจันทร์ สว.งานสายตรวจ 2 และ ว่าที่ พ.ต.ท.พุฒิพัฒน์ โกยมวงษ์เจริญ สว.งานสายตรวจ 3 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายยาเสพติด

 

วันเวลาจับกุม/ตรวจยึด

วันที่ 27 ธันวาคม 2565 เวลาประมาณ 17.30 น.

 

สถานที่จับกุม/ตรวจยึด

ภายในร้านชิปป์สไมล์ เลขที่ ๑๙/2 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ และ คอนโดจิตราภาเพลส ห้องหมายเลข ๕๑๒ เลขที่ ๑๖๘๗/๙ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ต่อเนื่องกัน

 

จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย

1. นายดลพร หรือเจต (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาที่ 1

2. นายวัชระ หรือโจ้ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาที่ 2

 

โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ผู้ต้องหาที่ ๑ และ ผู้ต้องหาที่ 2 ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาไอซ์, ยาบ้า) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งกระทำเพื่อการค้าและการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยมีอาวุธ และร่วมกันครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท ๒ (เคตามีน) โดยมีไว้เพื่อการขายโดยไม่ได้รับอนุญาต, ผู้ต้องหาที่ 2 มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”

 

พร้อมด้วยของกลาง

1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 841,800 เม็ด

2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักประมาณ 9 กิโลกรัม

3. วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (เคตามีน) น้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัม

4. อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ พร้อมเครื่องกระสุน จำนวน 1 กระบอก

5. รถยนต์เก๋ง จำนวน 2 คัน

6. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง

 

พฤติการณ์กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ๑๙๑ สืบสวนขยายผลสืบสวนเครือข่ายยาเสพติดจากผลจับกุมที่ผ่านมา จนทราบว่ากลุ่มนายดลพร หรือเจตฯ กับพวก จำนวนหลายคน พักอาศัยร่วมกันที่คอนโดจิตราภาเพลสฯ โดยกลุ่มเช่าพักอาศัยไว้หลายห้องและมีรถใช้งานหลายคัน ซึ่งกลุ่มเก็บซุกซ่อนยาเสพติดไว้ในคอนโด และคอยจัดเรียงยาเสพติดลงกล่องพัสดุ เพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้ลูกค้าทางภาคใต้โดยใช้วิธีส่งพัสดุผ่านร้านรับส่งพัสดุที่ลงทะเบียนไว้กับแอพพลิเคชั่นอีคอมเมิร์ซ ส่งให้ลูกค้าครั้งละหลายคนที่สั่งผ่านช่องทางออนไลน์

 

จนกระทั่งตามวันเวลาที่จับกุม นายดลพร หรือเจตฯ มีพฤติกรรมเชื่อว่าน่าจะกำลังนำยาเสพติดไปส่งที่ร้านรับส่งพัสดุร้านเดิม ตามที่ได้สืบสวนทราบมา จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจค้นผลการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 100,000 เม็ด ซุกซ่อนในกล่องส่งพัสดุ และพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม และจากการตรวจสอบเพิ่มเติม ภายในคอนโดจิตราภาเพลส เลขที่ ๑๖๘๗/๙ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ของนายวัชระ หรือโจ้ฯ พบ ยาบ้า 50,000 เม็ด ยาไอซ์ 3 กิโลกรัม และเคตามีน อีกจำนวน 4 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องเลขที่ 512 ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้งสอง รับสารภาพว่าได้เช่าห้องดังกล่าวไว้เป็นที่เก็บซุกซ่อนยาเสพติด เพื่อทยอยลักลอบส่งยาเสพติดให้กับกลุ่มผู้ค้าในพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออก จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหามาทำการซักถามและขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

ชุดจับกุมจึงได้ประสานกับ บก.ปส.4 บช.ปส. และ กก.สส.2 บก.สส.ภ.9 ขยายผลตรวจยึดเพิ่มเติม จากขนส่งปลายทางในหลายจังหวัด ที่ผู้ต้องหาได้ทำการจัดส่ง และเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565 ได้ตรวจยึด ยาบ้า 691,800 เม็ด และยาไอซ์ อีก 3 กิโลกรัม เพิ่มเติม โดยยาเสพติดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ หากนำไปจำหน่ายจะมีมูลค่าสูงถึง 70 ล้านบาท หากประชาชนท่านใด พบเห็น หรือมีเบาะแส เกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติดหรือสิ่งของผิดกฎหมาย หรือพบการมั่วสุม สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือโทรศัพท์สายด่วน ๑๙๑

ข่าวในหมวดเดียวกัน

เพิ่มเติม...

การเมือง

คอลัมนิสต์

คมในความ

มหาราษฎร์ Shorts

ภาพเก่าเล่าอดีต

ไฮไลท์

ข่าวประชาสัมพันธ์

ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล คุก

ท่องเที่ยว

ศาสนา

สุขภาพ

แวดวงนักรบ

สังคม

บทบาทบุคคล

< กลับหมวดตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล คุก

เรื่องล่าสุด