พ่อเมืองสระบุรีเปิดแผน “ปฏิบัติการ…ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม” บุกจับผับลับกลางเมืองแก่งคอย
ผู้ว่าฯ สระบุรีเปิดแผนปฏิบัติการ “ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม” ให้ฝ่ายปกครองผนึกกรมพินิจฯ บุกจับผับลับกลางเมืองแก่งคอย ตะลึง! เจอเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี 7 คนมั่วสุมตรวจไม่มีใบอนุญาติพฤติกรรมแสบถึงเวลาผับปิดจะคลุมผ้าใบดำทั้งร้านพรางตาเจ้าหน้าที่ แต่แอบเปิดผับลับทีหลัง ย้ำต้องปฎิบัติตามนโยบายมหาดไทยอย่างเคร่งครัด หากใครละเลยถูกดำเนินการขั้นเด็ดขาด
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เปิดเผยว่า นายดุรงค์ฤทธิ์ ศิริวัฒนพันธ์ นายอำเภอแก่งคอย ได้ร่วมกับฝ่ายปกครองจังหวัดสระบุรี ชุดเฉพาะกิจมหาดไทย และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม ได้เปิด “ปฏิบัติการ….ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม” บุกเข้าจับ “ละอ่อน” ผับลับกลางเมืองแก่งคอยเปิดบริการโดยไม่มีใบอนุญาต พฤติกรรมโดยหลังเที่ยงคืนจะคลุมผ้าใบพรางตาเจ้าหน้าที่ จากการตรวจสอบพบเด็กเยาวชนเข้าไปมั่วสุมจำนวนมาก ฝ่ายปกครองจังหวัดสระบุรีจึงต้องเร่งกวดขัน หวั่นซ้ำรอยเกิดเหตุเพลิงไหม้ “เมาท์เท่น บี (MOUNTAIN B)” จังหวัดชลบุรี จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
นายแมนรัตน์ กล่าวว่า “ปฏิบัติการ….ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม” เกิดขึ้นเนื่องจาก อำเภอแก่งคอย ได้ประสานไปยังกรมการปกครองว่ามีสถานบันเทิงย่านอำเภอแก่งคอยเปิดให้บริการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่งเสียงดังรบกวน สร้างความเดือดร้อน ให้กับประชาชนในบริเวณใกล้เคียง อีกทั้งยังมีการปล่อยปละละเลยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้ามาใช้บริการ ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง จึงได้ส่งสายลับเข้าทำการตรวจสอบ พบว่าสถานบริการแห่งนี้ไม่มีใบอนุญาตตั้งสถานบริการ ไม่มีการตรวจบัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงไม่มีการตรวจสอบอาวุธของนักเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ
นอกจากนั้น ภายในร้านยังพบนักเที่ยววัยโจ๋ เข้ามาใช้บริการจำนวนมาก โดยหน้าร้านจะปิดให้บริการในเวลา 24.00 น. และจะมีการเปิดให้บริการในอีกโซนหนึ่ง ซึ่งเป็นบริเวณผับลับ เมื่อถึงเวลาผับลับเปิด ทางร้านได้ทำการคลุมผ้าใบดำทั้งร้าน เพื่อพรางตาเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งมีนักเที่ยววัยโจ๋ แสร้งทำเดินออกไปหน้าร้าน คล้ายว่าสถานประกอบการดังกล่าวได้ปิดทำการแล้ว เมื่อถึงเวลา ผับลับเปิดกลุ่มนักเที่ยวซึ่งเป็นเด็กได้กลับเข้ามา และตรงไปยังทางเดินบริเวณสถานที่สำหรับสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นประตูทางเข้า โดยปกติเส้นทางตรงนี้หากไม่สังเกตจะไม่พบว่ามีประตูสำหรับเข้าไปในผับลับ ต่อมาชุดสายลับจึงได้เข้าไปใช้บริการในโซนดังกล่าว พบมีการเล่นดนตรีสด และปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการถึง 7 คน
ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า นายดุรงค์ฤทธิ์ ศิริวัฒนพันธ์ นายอำเภอแก่งคอย นายพุฒิชาติ จันทอง ป้องกันจังหวัดสระบุรี นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ และนางสุภาภรณ์ ชมชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาระบบงานยุติธรรมเด็กและเยาวชน กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม จึงได้ทำการตรวจค้นจับกุม ยังพบว่าทางร้านไม่มีการตรวจสอบอายุของผู้เข้าใช้บริการ รวมถึงไม่มีการตรวจสอบอาวุธของนักเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ปกครองในพื้นที่ จังหวัดสระบุรี และตำรวจได้มีการเข้มงวดกวดขันให้สถานบริการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดในวันนี้จึงไม่มีการเปิดโซนผับลับ จากการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการดังกล่าว มีการให้บริการในลักษณะเป็น “สถานบริการ” แต่ไม่พบว่ามีใบอนุญาตตั้ง สถานบริการ ตาม พ.ร.บ. สถานบริการ พ.ศ.2509
นายแมนรัตน์ กล่าวว่า เมื่อเข้าตรวจสอบในโซนผับลับ พบมีการใช้อาคารสถานที่ผิดประเภท และอาจมีการต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีช่องทางการหนีไฟ ไม่มีป้ายบอกทางหนีไฟ ไม่มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่พบอุปกรณ์ดับเพลิง และประตูทางเข้า – ออก มีเพียงทางเดียว หากเกิดเพลิงไหม้ จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ หวั่นซ้ำรอยเมาท์เท่น บี ได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ว่าสถานประกอบการดังกล่าว ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต, จำหน่ายสุราให้แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี ,จำหน่ายสุราเกินกว่าเวลาที่กฎหมายบัญญัติ, ความผิดฐานโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม, ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร และยังเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ ข้อ 4 (1)-(4)
อย่างไรก็ตาม อำเภอแก่งคอย จะเสนอจังหวัดสระบุรีเพื่อออกคำสั่งปิดสถานประกอบการดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี พร้อมทั้งประสาน อบต.ตาลเดี่ยวเข้าตรวจสอบอาคารสถานที่ดังกล่าว หากพบกระทำผิดกฎหมายจะให้มีการสั่งระงับการใช้อาคารต่อไป
ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ให้ความสำคัญ และเน้นย้ำในการประชุมมอบนโยบายและข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทยให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ในการดำเนินการตามนโยบาย “ลดอบายมุข สร้างสุขให้สังคม” มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งกำชับให้เข้มงวดกวดขัน ตรวจตราสถานบริการและสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่เข้าไปใช้บริการ ทั้งการตรวจสอบสถานบริการที่มีสภาพอาคารเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อเป็นการป้องกันเหตุอัคคีภัยในสถานบริการ และเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้เข้าไปใช้บริการ จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ กำชับผู้รับอนุญาตให้ตั้งสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการทุกแห่งถือปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการและกฎหมายอื่น ๆ อย่างเคร่งครัดให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด หากพบว่าสถานบริการและสถานประกอบการใดกระทำการที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเข้มงวด ทั้งทางอาญาและทางปกครอง หากเพิกเฉยให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทั้งทางอาญาและทางปกครองอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว และให้รายงานผลให้กระทรวงมหาดไทยทราบด้วย
นอกจากนี้ จังหวัดสระบุรีมีนโยบายเข้มงวดกวดขันสถานประกอบการที่ไม่ได้รับใบอนุญาต ไม่มีมาตรฐาน มีการปล่อยปละละเลยให้มีเด็กเข้ามาใช้บริการ หรือมีการฝ่าฝืนกฎหมายอื่น ๆ หากพบว่ามีการร้องเรียนเข้ามายังจังหวัด จะมีการตรวจสอบทุกแห่ง รวมทั้งหากพบมีการกระทำความผิดจะดำเนินคดีกับสถานประกอบการทุกแห่งทางอาญา พร้อมทั้งปิดสถานประกอบการเป็นระยะเวลา 5 ปี ตามกฎหมายโดยเคร่งครัด
กองสารนิเทศ สป.มท.
วันที่ 21 ส.ค.65