มูลนิธิชัยพัฒนา ร่วมกับ สวทช.-ม.แม่โจ้ ลงนาม MOU “ด้านการวิจัยและพัฒนา การเก็บรักษาทรัพยากรเชื้อพันธุกรรมพืชระยะยาว”
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.65 ณ มูลนิธิชัยพัฒนา : ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา, ดร.ลดาวัลย์ กระแสร์ชล รองผู้อำานวยการสํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และ ร.ศ.ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “ด้านการวิจัยและพัฒนา การเก็บรักษาทรัพยากรเชื้อพันธุกรรมพืชระยะยาว” เพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน รวมถึงการวิจัยและพัฒนาการเก็บรักษาในแบบระยะยาว นำข้อมูลที่มีค่าของทรัพยากรเหล่านี้พัฒนาต่อยอดเป็นระบบสารสนเทศในการสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากข้อมูลทรัพยากรชีวภาพอย่างมีประสิทธิภาพ
และเกิดการนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยยังสามารถรักษาสมดุลในการใช้ทรัพยากรตามแนวคิดโมเดลเศรษฐกิจ BCG “เพิ่มคุณภาพชีวิต เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ต่อยอดจุดแข็งของประเทศในด้านความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม ดังนี้ Bioeconomy (ระบบเศรษฐกิจชีวภาพ) สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากร Circular Economy (ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน) และ Green Economy (ระบบเศรษฐกิจสีเขียว) ด้วยการใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์นายกกิตติมศักดิ์และองค์ ประธานกรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา พระราชทานพระราชานุมัติให้มูลนิธิชัยพัฒนา ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ดำเนิน “โครงการความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาการเก็บรักษา ทรัพยากรเชื้อพันธุกรรมพืชระยะยาว เพื่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกัน อนุรักษ์ทรัพยากรเชื้อพันธุกรรมพืช รวมถึงการวิจัยและพัฒนาการเก็บรักษาแบบระยะยาว
ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงาน ได้ร่วมลงนามในครั้งนี้ เพื่อนำเมล็ดพันธุ์ของศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ มูลนิธิชัยพัฒนา ที่ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ดำเนินการปรับปรุงพัฒนาเป็นพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนพันธุ์แล้ว รวมถึงเมล็ดพ่อแม่พันธุ์พืชผักของ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่ได้รวบรวมไว้เพื่อการรักษาพันธุกรรมพืช เข้าเก็บรักษาในธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ (NBT)
โดยมี แผนที่จะดำเนินงานวิจัยการเก็บรักษาแบบระยะยาวต่อไป โดยเมล็ดพันธุ์ที่จะทำการเก็บรักษาในครั้งนี้มีจำนวน 1,533 สายพันธุ์ แบ่งเป็น 9 ประเภท ประกอบด้วย พันธุ์พืช ใหม่ที่ได้การรับรองพันธุ์ จํานวน 20 สายพันธุ์, พืชตระกูลถั่ว จํานวน 163 สายพันธุ์, ตระกูลพริกและมะเขือ จํานวน 163 สายพันธุ์, ตระกูลแตง จำนวน 841 สายพันธุ์, ตระกูลกะหล่ำปลี จำนวน 41 สายพันธุ์, ตระกูลผักชี จำนวน 7 สายพันธุ์, ตระกูลกระเจี๊ยบเขียว จำนวน 211 สายพันธุ์, ตระกูลผักโขม จำนวน 31 สายพันธุ์ และดอกไม้ จำนวน 56 สายพันธุ์
ดร.ลดาวัลย์ กระแสร์ชล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า (สวทช.) พร้อมส่งเสริมด้านการพัฒนากำลังคน และโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำไปสู่การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งภารกิจหนึ่งของ (สวทช.) คือการพัฒนาและบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน ทางด้านกลุ่มวิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ของประเทศช่วยเสริมฐานความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจในประเทศไทย ธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ หรือ National Biobank of Thailand (NBT) เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานของ (สวทช.) โดยมีบทบาทหลักในการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ชั้นนำสนับสนุนกิจกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรชีวภาพอันมีค่าของประเทศ โดย (NBT) มีคลังจัดเก็บทรัพยากรชีวภาพแบบระยะยาวที่เป็นฐานที่สำคัญของเศรษฐกิจ (BCG) และเตรียมพร้อมรับมือเมื่อเกิดภาวะวิกฤตของการสูญเสียทรัพยากรชีวภาพอย่างถาวรในธรรมชาติ
นอกจากนี้ (NBT) ยังเป็นแหล่งอ้างอิงของข้อมูลทรัพยากรชีวภาพที่น่าเชื่อถือพร้อมกับการนำเอาข้อมูลระดับจีโนม และสารสนเทศอื่นๆ ที่เกิดจากการวิจัยบนทรัพยากรชีวภาพเหล่านี้มาพัฒนาต่อยอดให้เกิดเป็นระบบสารสนเทศเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในทางธุรกิจและสร้างองค์ความรู้ใหม่ในวงการวิจัย กิจกรรมของ (NBT) สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน องค์กรในประเทศ และนานาชาติ ผลักดันให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก โดยที่ยังสามารถเก็บรักษาหรืออนุรักษ์ทรัพยากรชีวภาพไว้ได้อย่างยั่งยืน
ด้าน ร.ศ.ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนา จัดตั้ง “ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ” ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาพันธุ์พืช ให้เกษตรกรได้มีพืช สายพันธุ์ที่ดี ทนทานต่อโรคและแมลง ได้ผลผลิตที่ดี ซึ่งศูนย์ฯ ได้รวบรวมและพัฒนาพันธุ์พืชพื้นบ้าน เก็บรักษาพันธุ์พืชผักพื้นบ้าน เพื่อให้เกษตรกรปลูกสำหรับบริโภคในครัวเรือน จำหน่าย หรือเก็บไว้ทำพันธุ์ต่อไป นอกจากนี้ ยังเก็บเป็นเมล็ดพันธุ์พระราชทานแก่ราษฎรและโดยเฉพาะราษฎรที่ประสบภัยพิบัติ
การลงนามร่วมกันในครั้งนี้ เป็นการนำเมล็ดพันธุ์ของศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ มูลนิธิชัยพัฒนา ที่ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ดำเนินการปรับปรุงพัฒนาเป็นพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนพันธุ์แล้ว รวมถึงเมล็ดพ่อแม่พันธุ์พืชผักของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่ได้รวบรวมไว้เพื่อการรักษาพันธุกรรมพืช เข้าเก็บรักษาในธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เพื่อดำเนินงานวิจัยการเก็บรักษาแบบระยะยาวต่อไป
การนำเมล็ดพันธุ์พืชที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนา, มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เข้าเก็บรักษาในธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ (NBT) ครั้งนี้ จะเป็นอีกก้าวของนวัตกรรมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมการเก็บรักษาและการเก็บข้อมูลเมล็ดพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพ สามารถคงความมีชีวิตของพันธุกรรมพืชไว้ได้ยาวนาน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการปกป้องทรัพยากรชีวภาพของประเทศเพื่อที่จะสามารถนำไปพัฒนาในด้านอื่น ๆ อีกทั้งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความมั่นคงด้านอาหารให้เกิดความยั่งยืนสืบไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน