นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งมีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยมีร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ได้รับรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 คณะทำงานฯ โดยรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยหม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการจัดหางาน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญกรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และสำนักงานเขตห้วยขวาง ลงพื้นที่ย่านห้วยขวาง (ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญและถนนรัชดาภิเษก) ตรวจสอบร้านอาหาร จำนวน 10 ร้าน ซูเปอร์มาร์เก็ต 1 ร้าน และสถานประกอบการนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ 1 ราย ว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ โดยเฉพาะกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว กฎหมายแรงงาน กฎหมายคนเข้าเมือง และกฎหมายเกี่ยวกับการสุขาภิบาลอาหาร
จากการตรวจสอบพบว่ามีร้านอาหารต้องสงสัยว่ากระทำความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต 1 ร้าน ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะส่งดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ต่อไป ในส่วนที่เหลือพบว่าหลายร้านมีพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายการกระทำอันเป็นนอมินี ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะดำเนินการตามกฎหมาย โดยตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้เจ้าของกิจการชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม และพบว่าหลายร้านปิดทำการในขณะที่คณะทำงานฯ ลงพื้นที่ ซึ่งอาจเป็นเพราะทราบข่าวการลงพื้นที่หรือพบเห็นว่าเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบร้านอื่นอยู่ จึงมีข้อสังเกตว่าอาจเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะมีการกระทำผิดกฎหมาย ดังนั้นเมื่อร้านเปิดทำการเมื่อใดก็จะส่งเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจเข้าตรวจสอบโดยเร็ว หากพบผิดจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ทั้งตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งส่งเรื่องให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีด้วย
การปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการการทำงานเชิงรุกเพื่อปกป้องผู้ประกอบการไทยและประชาชนผู้บริโภค จากการกระทำที่ไม่ถูกต้องและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้สั่งการให้คณะทำงานฯ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป และขอเตือนคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย ว่ามีความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 – 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลจะสั่งให้เลิกการถือหุ้นหรือการเป็นหุ้นส่วนนั้น หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000 – 50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว