กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ส่งหนังสื่อด่วนแจงศาลปกครอง กรณี TOR กำหนดคุณสมบัติบริษัทรับทำประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว หลังโดนกลุ่มบริษัทประกันรายเล็กที่ถูกกีดกันรวมตัวขอคุ้มครองชั่วคราว-ยกเลิกเงื่อนไข พร้อมตั้งข้อคำถาม–ข้อสังเกตมีการระบุในสัญญาเอื้อ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่จริงหรือไม่ ?
จากกรณีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กำหนดเงื่อนไขคัดเลือกบริษัทรับทำประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวใหม่ วงเงินสูงกว่า 5 พันล้านบาทในช่วงปลายปี 2567 และกลายเป็นการกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าร่วม โดยได้ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง พร้อมข้อสังเกตเกี่ยวกับสัญญาข้อกำหนดเงื่อนไขการเข้ารับงาน (TOR) มีการกำหนดคุณสมบัติเอื้อต่อผู้เข้าร่วมรับงานดังกล่าวหรือไม่
ล่าสุดมีเอกสารออกจากกรมการจัดหางาน ด่วนที่สุด ลงเลขที่ รง 0303.3/26942 เรื่อง คำชี้แจงเพื่อโต้แย้งคัดค้านคำขอเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยหนังสือดังกล่าว มีการนำเรียนตุลาการศาลปกครอง ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ระบุข้อความโดยสรุปเป็นการตอบโต้และชี้แจงถึง กรณีกลุ่มบริษัทประกันภัยที่ถูกกีดกันไม่ให้เข้ารับงานประกันแรงงานต่างด้าวร้องมายังศาลปกครองให้รับเรื่องเกี่ยวกับประกาศกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับผู้มีสิทธิ์รับประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว 4 สัญชาติ ได้แก่ สปป.ลาว, เมียนมา, กัมพูชา และเวียดนาม ตามมติครม.วันที่ 24 ก.ย.2567 ซึ่งกลุ่มผู้ร้องได้กล่าวอ้างว่า มีการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย และกลุ่มผู้ร้องได้ มีการขอให้คุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา
โดยกลุ่มผู้ร้องคัดค้านได้อ้างถึงเหตุในการร้องคัดค้าน ซึ่งอ้างถึง สัญญาข้อกำหนดเงื่อนไขการเข้ารับงาน (TOR) ในส่วนของการกำหนดคุฯสมบัติ 13 ประการ ซึ่งมีลักษณ์ไม่เปิดกว้าง และมีการตั้งข้คำถามรวมถึงตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการ ประโยชน์ให้กับเอกชนเพียง 2 ราย จาก 17 ราย หรือไม่ ? ซึ่งทางกรมการจัดหางานได้ชี้แจงผ่านหนังสือฉบับดังกล่าว (รง0303.3/26942) ที่มีไปถึงศาลปกครอง
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา โดยกรมการจัดหางาน มีหนังสือประชาสัมพันธ์หลักเกณฑ์เกี่ยวกับบริษัทประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัยที่จะรับประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว ซึ่งจะขอรับใบอนุญาตทำงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2567 ระบุว่าหากบริษัทมีคุณสมบัติและเงื่อนไขตามที่กำหนด 13 ประการ และมีความประสงค์จะเข้าร่วมการดำเนินการประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว ขอให้แจ้งกรมการจัดหางานทราบภายในวันที่ 19 พ.ย.2567 เพื่ออนุญาตให้เชื่อมโยงข้อมูลหลักฐานการคุณสมบัติทั้ง 13 ประการตามมติ ครม. มีดังนี้
1.ต้องเป็นบริษัทมหาชน จำกัด ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย,
2.ต้องเป็นบริษัทประกันภัยที่ไม่ขาตทุนติดต่อกันเกิน 3 ปี,
3.มีช่องทางการซื้อประกันภัยและติดต่อได้สะดวกรวดเร็ว,
4.สามารถตรวจสอบการปลอมแปลงกรมธรรม์ประกันภัย โดยการเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบของกรมการจัดหางาน,
5.ในจังหวัดที่คนต่างต้าวทำงานสามารถเข้ารับการรักษาได้ โดยไม่ต้องสำรองค่าใช้จ่ายไปก่อน,
6.ต้องมีกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครอง 2 ระยะ ได้แก่ 6 เดือน และ 1 ปี,
7.ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องมีงบแสดงฐานะการเงินปี 2566 ที่มีการรับรองผลกำไรสุทธิแล้วต้องแสดงค่าเป็นบวก 1 ปีสุดท้ายก่อนวันยื่นข้อเสนอ,
8.กรมธรรม์ประกันภัยจะต้องมีผลให้ความคุ้มครองแรงงานต่างด้าวภายหลังจากบริษัทประกันภัยอนุมัติกรมธรรม์ประกันภัยทันที,
9.ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเต็มจำนวนไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท,
10.ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องมีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2566 จำนวน ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท,
11.ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องมีอัตราส่วนความเพียงพอของการดำรงเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (CAR RATIO) ไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 200 ณ สิ้นปี 2566,
12.ผู้ยื่นข้อเสนอห้ามดำเนินการลดเบี้ยประกันภัย กรมธรรม์ประกันภัยเกินจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนด และ
13.คนต่างด้าวจะต้องได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลไม่น้อยกว่าสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลที่ได้รับจากการทำประกันสุขภาพกับสถานพยาบาลของรัฐ
หลังมีประกาศดังกล่าวจากกรมการจัดหางาน ได้มีตัวแทนบริษัทประกันภัยกลุ่มหนึ่ง ทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบข้าราชการกรมการจัดหางานตั้งคำถามและข้อสังเกตว่า อาจเป็นการออกหลักเกณฑ์เอื้อประโยชน์บริษัทประกันภัยบางบริษัท ให้มีสิทธิเข้ารับการประกันสุขภาพของคนต่างด้าว และกีดกันบริษัทประกันภัยอื่นๆ และยังได้ดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้คุ้มครองชั่วคราว จนเป็นที่มาของการส่งหนังสือจากกรมการจัดหางานไปยังศาลปกครองในครั้งนี้
สำหรับการกำหนดคุณสมบัติ 13 ประการ นั้นถูกตั้งคำถามและข้อสังเกตว่า อาจส่อที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนยักษ์ใหญ่ 2-3 ราย เท่านั้น เนื่องจากมีระบุถึง การพิจาณาจากข้อกำหนดเรื่องทรัพย์สินรวมที่ต้องมีทรัพย์สินรวม ณ สิ้นปี 2566 จำนวนไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท และต้องมีอัตราส่วนความเพียงพอของการดำรงเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (Car Ratio) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 200 ณ สิ้นปี 2566 ซึ่งทำให้เหลือบริษัทประกันภัยที่สามารถเข้าร่วมประกันภัยเพียง 2 บริษัท ซึ่งจะส่งผลเสียต่อประเทศ หากนำหลักเกณฑ์นี้มาใช้ จะทำให้แรงงานต่างด้าว และนายจ้าง หรือผู้ประกอบการ เกิดความสับสนและยุ่งยากจนไม่สามารถขึ้นทะเบียนแรงงานได้ทัน ขณะที่ตัวเลขการทะเบียนแรงงานต่างด้าว ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 3 ล้านคน โดยมีตัวเลขมูลค่าวงเงินประกันที่จะเกิดขึ้นประมาณ 5 พันล้านบาท