“ผู้ช่วยอ้อ” แถลงวิ 2 ศพที่บุรีรัมย์-ระนอง เซ่นยุทธการ “ธรณีนี้มีขื่อมีแป”
“บิ๊กอ้อ” นำทีมแถลงผลยุทธการ “ธรณีนี้มีขื่อมีแป” ระดมกำลัง 4 พันนาย ลุยล้างอิทธิพลเถื่อนทั่วประเทศ วิสามัญ 2 ศพคนร้ายคดียานรก รายแรก “หนุ่ม บางนอน” เอเย่นต์ยาระนองเหิมชักปืนยิงฝ่าวงล้อม อีกศพ ตำรวจบ้านด่าน จับตาย “พล แสวงรัมย์” หลังยิงปิดทางหนีเลยดับคารถ ส่วนผลระดมจับผู้ต้องหาได้ 218 ราย พร้อมของกลาง จำนวนมาก
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 21 มี.ค.68 ที่ ห้องแถลงข่าว กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.วีรชน บุญทวี ผบช.ประจำ สง. ผบ.ตร. และ ตัวแทนจาก บช.ก. บช.น.บช.ภาค 1-9 และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลยุทธการ “ธรณีนี้มีขื่อมีแป 21MARCH2025”
หลังนำกำลังเจ้าหน้าที่รวมกว่า 4,000 นาย กระจายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 667 จุดทั่วประเทศ กวาดล้างแก๊งอาชญากรรม และ ปราบปรามอิทธิพลเถื่อน
สำหรับผลการปฏิบัติการดังกล่าว จับกุมผู้กระทำผิดได้ 218 คน ตรวจยึดของกลาง รถยนต์ 64 คัน รถจักรยานยนต์ 250 คัน อาวุธปืน 239 กระบอก เป็นปืนสั้น 109 กระบอก, ปืนไทยประดิษฐ์ 76 กระบอก ปืนยาว 52 กระบอก อาวุธสงคราม 2 กระบอก กระสุนขนาดต่างๆ รวม 5,314 นัด ไอซ์ 108.45 กรัม ยาบ้า 16,161 เม็ด ยุทธภัณฑ์ 16 รายการ ระเบิด 9 ลูก
พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวว่า สำหรับยุทธการครั้งนี้เป็นการดำเนินการภายใต้ ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ เพื่อ กวาดล้างทำลายเครือข่ายผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง ผู้ร้ายรายสำคัญทั่วประเทศเป็นการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในอนาคต
ขณะที่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 กล่าวว่าในส่วนของภาพรวมการปฏิบัติการของตำรวจภูธร ภาค 8 นั้น เบื้องต้นจับกุมผู้กระทำผิดได้หลายราย ในจำนวนนี้มี 1 ราย คือ นายธีรวัฒน์ อรุณโชติ อายุ 44 ปี หรือ “หนุ่ม บางนอน” ถูกเจ้าหน้าที่ บก.ปพ.บช.ภาค 8 วิสามัญเสียชีวิต โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.พิษณุ พ่วงพร้อม รองผบก.สส.บช.ภาค 8 คอยดูภาพรวม
เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.45 น. ขณะเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นยาเสพติด ที่ บ้านไม่มีเลขที ซ.แม่หนู่ ม.1 ต.บางนอน อ.เมือง ในพื้นที่ สภ.เมืองระนอง มีผู้ต้องหาตามหมายจับยาเสพติด ตำรวจได้ปิดล้อมเป้าหมายตามยุทธวิธี แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมเเสดงตัว จึงได้ส่งชุดปฏิบัติการพิเศษเข้าดำเนินการ ปรากฏว่าผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงใส่ก่อน เจ้าหน้าที่พยายามเจรจาอยู่หลายครั้งแต่ไม่เป็นผล ก่อนที่ต่อมาผู้ต้องหาจะวิ่งหลบหนีพร้อมใช้ปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่
ตำรวจ สภ.เมืองระนอง โดย พล.ต.ต.ธนวัตร วัฒนกุล ผบก.ภ.จว.ระนอง, พ.ต.อ.เสกสรร แก้วสว่าง รองผบก.ภ. จว.ระนอง, พ.ต.อ.ศิรชัย เกิดศรี รอง ผบก.ภ.จว.ระนองจึงสั่งการให้ชุดจับกุม ตัดสินใจใช้ปืนยิงป้องกันตัว จนเป็นเหตุให้ผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล จากนั้นเข้าตรวจค้นบ้านพักพบยาบ้า 400 เม็ด
วิสามัญอีกรายที่ สภ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ. บ้านด่าน นำโดย พ.ต.ท.ภานุวัฒน์ มากมูล รอง ผกก.สส.สภ.บ้านด่าน พร้อมกำลัง 5 นาย เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งใน ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เพื่อจับกุมนายพลธิแสง หรือ พล แสวงรัมย์ อายุ 29 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ 38/2568 ลง 6 กพ 68 ข้อหา สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรง เกี่ยวกับยาเสพติดฯ แต่ผู้ต้องหาไหวตัวใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียน กม 3133 บุรีรัมย์ หลบหนีและใช้ปืนที่พกติดตัวมายิง พ.ต.ท.ภาณุวัฒน์ฯ กับพวก แต่ไม่ถูก
ชุดจับกุมยิงตอบโต้ 2 นัด ผู้ต้องหาหักรถหลบลงข้างทางด้านซ้าย เจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมรถผู้ต้องหาและเข้าตรวจสอบพบว่าถูกอาวุธปืน ถึงแก่ความตายจึงได้แจ้งพนักงานสอบสวนพนักงานอัยการ ฝ่ายปกครอง แพทย์ร่วมชันสูตรพลิกศพผู้ต้องหา และดำเนินการต่อไปส่วนจนท ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 5 นาย ไม่ได้รับบาดเจ็บ
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีที่ บก.ปปป. จับกุมผู้ต้องหา เป็นวิศวกรโยธาจากสำนักงานทางหลวง 1 และพนักงาน ได้รวม 2 ราย หลังมีประชาชนเข้าร้องเรียนกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 รายเรียกรับเงินทดแทนการเวนคืนที่ดินจากผู้เสียหาย 250,000 บาท เพื่อเพิ่มค่าทดแทนที่ดินจาก 2,700,000 บาทเป็น 3,600,000 บาท โดยปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องจำนวนเงินไม่ให้ผู้ถูกเวนคืนรู้ยอดเงิน กระทั่งต่อมาผู้เสียหายพบว่าค่าทดแทนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่แท้จริงคือ 3,600,000 บาท ส่วน 2,700,000 บาท แรกนั้นเป็นเพียงค่าประเมินที่ดิน ซึ่งหลังการสืบสวนตำรวจพบว่ามีเครือข่ายที่ผู้เสียหายถูกสั่งให้ฝากเช็คค่าทดแทนและถอนเงินสดให้เจ้าหน้าที่ระบุตัวผู้เสียหายแล้วประมาณ 5-6 คน
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากการสืบสวนยังไม่พบว่ามีผู้มีอิทธิพลหรือนักการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้คาดว่าจะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับที่สูงขึ้น จึงจะทำการขยายผลต่อไป
