6 มีนาคม 2568 – นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยกรณีครูหรือข้าราชการกระทำผิดวินัยร้ายแรง ผิดจรรยาบรรณหรือกระทำการที่ไม่เหมาะสม ทำให้กระทบต่อความน่าเชื่อถือของวงการการศึกษาไทย ต้นสังกัดเดินหน้าลงโทษและคุรุสภาพร้อมรับไม้ต่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เตือนอย่าท้าทายระบบผิดจริงฟันจริงไม่มีแผ่วแน่นอน
โฆษก ศธ. กล่าวว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กำชับหนักแน่นถึงเรื่องนี้เป็นอย่างมาก นี่คือการเตือนอย่างเป็นทางการให้รับทราบทั่วกันว่า “อย่าท้าทายระบบ” กระทรวงศึกษาธิการพร้อมดำเนินการลงโทษเด็ดขาดอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการผ่อนปรนทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ การทุจริต หรือการสร้างผลเสียต่อผู้อื่น โดยเฉพาะการล่วงละเมิดทางเพศทั้งกับเด็กนักเรียน กับครูด้วยกันเอง หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย แม้เพียงเล็กน้อยก็กระทบต่อสภาพร่างกายและจิตใจไม่มีใครยอมรับได้
ช่วงหลังมาจะเห็นจากข่าวว่ากระทวงศึกษาธิการเอาจริงในเรื่องนี้ชัดเจนมาก เพื่อเป็นตัวอย่างให้ดูว่าเราใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการจัดการผู้ที่ผิดวินัยร้ายแรง คนเป็นครูควรที่จะประพฤติตนให้เหมาะสมกับจรรยาบรรณวิชาชีพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสังคมว่าเราไม่ยอมให้ใครทำลายเกียรติจากการกระทำไม่ดีของคนเพียงไม่กี่คน และเพื่อคัดกรองบุคลากรที่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีคุณภาพในการพัฒนาการศึกษาของชาติให้เป็นไปในทิศทางที่ดีมีประสิทธิภาพ
“ในยุคนี้จะไม่ยอมให้มีเรื่องฉาวในวงการการศึกษาเล็ดลอดสายตาอย่างเด็ดขาด ขอให้ผู้เรียน ครูและผู้ปกครองสบายใจได้ว่าเราจะดำเนินการจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้เห็นถึงความใส่ใจเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษา กรณีผิดร้ายแรงจะได้รับการพิจารณาอย่างรวดเร็ว โทษสถานหนักคือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ หมดหนทางไปต่อบนเส้นทางครูอนาคตดับวูบทันที” โฆษก ศธ. กล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลจากคุรุสภาเปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554-2568 หรือตลอด 13 ปี คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพของคุรุสภา มีการรับดำเนินการจรรยาบรรณของวิชาชีพแล้ว 1,091 เรื่อง โดยมีการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแล้ว 110 ราย