วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 16.30 น. ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานในพิธีมอบหนังสืออนุญาตและมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 ท้องที่จังหวัดสงขลา โดยมี นาวาตรี สุธรรม ระหงษ์ เลขานุการ รมว.ทส. นายนริศ ขำนุรักษ์ คณะทำงาน รมว.ทส. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงฯ นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ นายวิทยา จันทน์เสนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ตลอดจนคณะผู้บริหารกระทรวงฯ และประชาชนที่ได้รับมอบสมุดประจำตัวฯ เข้าร่วมพิธี ณ หอประชุมสำนักงาน สส.เดชอิศม์ ขาวทอง อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา
โดย ดร.เฉลิมชัย รมว.ทส. ได้มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขาแก้ว ให้แก่รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อนำไปดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้กับชุมชนต่อไป และมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 ให้แก่ราษฎร 9 อำเภอ ได้แก่ อ.รัตภูมิ อ.คลองหอยโข่ง อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี อ.นาหม่อม อ.บางกล่ำ อ.สะเดา และ อ.หาดใหญ่ เนื้อที่รวมกว่า 10,902 ไร่ รวม 1,416 ราย พร้อมมอบกล้าไม้ให้กับผู้แทนชุมชน นอกจากนี้ ยังได้มอบเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ รักษ์ป่า รักแผ่นดิน ให้แก่ข้าราชการในพื้นที่ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ช่วยเหลืองานราชการของกรมป่าไม้ พร้อมมอบเงินอุดหนุนกิจกรรมบริหารงานป่าชุมชนบ้านคลองควาย และบ้านปลายคลอง
ดร.เฉลิมชัย กล่าวว่า ที่ดินทำกินที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถือเป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนต้องมี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมป่าไม้ พร้อมเร่งแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย อันจะทำให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถเข้าไปพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานได้ พี่น้องประชาชนจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งในอนาคต ทส. มีเป้าหมายจัดสรรที่ดินทำกินในท้องที่จังหวัดสงขลา พื้นที่กว่า 280,000ไร่ โดยจะมีพี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 17,000 ครอบครัว พร้อมทั้งได้เน้นย้ำขอให้พี่น้องประชาชนช่วยกันเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ที่ได้รับให้มากกว่าเงื่อนไขที่กำหนดไว้ รวมถึงรักษาพื้นที่ตรงนี้ไว้ให้เป็นมรดกตกทอดไปถึงลูกหลานชาวไทยต่อไป