วันที่ 8 ก.พ.2568 เวลา 10.00 น. ณ สภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี : พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปป 2) (สส 2) เป็นประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี, พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ รรท. ผบก.ป., พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.หญิง สุเจตนา โสตถิพันธุ์ ผบก.ศพฐ.1, รอง ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี, ผกก.สภ.ลำลูกกา, ผกก.สส.ภ.จ.ปทุมธานี ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาในคดีชิงทองคำรูปพรรณ
โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2568 เวลาประมาณ 11.40 น. มีคนร้ายก่อเหตุ ชิงทรัพย์ทองคำรูปพรรณ น้ำหนักกว่า 113 บาท มูลค่ารวมประมาณ 5.4 ล้านบาท ณ ร้านทองออโรร่า ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี คลอง 5 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ก่อนขับขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป
หลังเกิดเหตุ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร.ได้สั่งการให้เร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุ ให้ได้โดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชน
จากการสืบสวนและการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน บก.สส.ภ.1, ภ.จ.ปทุมธานี, บก.ป., สภ.ลำลูกกา ได้ร่วมกันสืบสวน จนทราบว่าคนร้ายคือ นายฐาปนัสฯ หรือ “เบล” อายุ 38 ปี จึงขออนุมัติ ศาลจังหวัดธัญบุรีออกหมายจับ ในข้อหา “ชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด การพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม”
ต่อมา วันที่ 7 ก.พ.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ภ.1 สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมตรวจยึดของกลาง นำส่ง พงส.สภ.ลำลูกกา ดังนี้ สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 1 เส้น พร้อมพระเลี่ยมทอง (ยึดจากผู้ต้องหา), ทองคำก้อนหลอมแล้ว จำนวน 3 ก้อน น้ำหนักรวม 10 บาท (ยึดจากผู้ต้องหา), ทองรูปพรรณน้ำหนักรวม 47 บาท (ยึดจากบ้านภรรยาผู้ต้องหา), เสื้อและกางเกงที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ (ยึดจากผู้ต้องหา), ตั๋วรับจำนำสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท เป็นเงิน 110,000 บาท จำนวน 1 ใบ (ยึดจากผู้ต้องหา),เงินสดจำนวน 107,320 บาท (ยึดจากผู้ต้องหา), รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ 1 คัน (ตรวจยึดได้บริเวณคลองรังสิตประยูรศักดิ์) รวมสามารถตรวจยึดทองรูปพรรณคืนมาได้ 58 บาท
กระบวนการทางกฎหมาย ได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ ที่เกิดเหตุ จะนำตัวผู้ต้องหาฝากขังต่อศาลจังหวัดธัญบุรีในวันที่ 8 ก.พ.2568 จะสืบสวนติดตามทองคำที่เหลือ คืนให้แก่ผู้เสียหายต่อไป