ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีเป็นตรา
คำโบราณ ท่านว่าเอาไว้
ผมเป็น ผกก.รร.ภ.9 ยะลา มีเวลาว่างเสาร์-อาทิตย์ จึงไปสมัครเรียน ระดับปริญญาโท ที่นิด้า สาขา จ.ยะลา มีครูฝึกยศ ร.ต.ท. เป็นคนพูดเก่ง คารมดี ไปสมัครเรียนด้วยอีกคนหนึ่ง
วันปฐมนิเทศ พลขับแต่งเครื่องแบบ หิ้วกระเป๋าขึ้นไปส่งผมถึงห้องเรียน สายตาหลายคู่มองมา
มีนักศึกษาปริญญาโทรุ่นพี่มากล่าวต้อนรับ คำกล่าวตอนหนึ่งได้พูดว่า
<………………ที่นี่ไม่มียศ ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีนาย ไม่มีลูกน้อง ทุกคนเท่าเทียมกัน เป็นเพื่อนกัน…………………>
เมื่อรุ่นพี่พูดจบ ผมยกมือขึ้นขออนุญาตอาจารย์พูด
<ขอบคุณครับที่มากล่าวต้อนรับ ผมเข้าใจว่า บางข้อความที่พูดนั้น มุ่งเน้นมาที่ตัวผม ผมขออนุญาตอธิบายครับ
ผมรับราชการเป็นตำรวจ เป็นข้าราชการประเภทที่มียศ ยศนี้เป็นยศพระราชทาน ต้องใช้ยศนำหน้าชื่อ แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาจะเรียกตำแหน่งผมว่า ผู้กำกับ ในห้องนี้ทุกคน เราเป็นเพื่อนกัน เรียกผมว่าคุณไอยศูรย์ พี่ไอยศูรย์ น้องไอยศูรย์ หรือไอยศูรย์ เฉย ๆ ก็ได้ อย่าเรียกว่า ไอ้ไอยศูรย์ ก็แล้วกัน แต่มีคนหนึ่ง คงต้องเรียกผมว่า ผู้กำกับ เพราะเขาเป็นลูกน้องผม เรามีระเบียบวินัย เป็นการภายใน อย่าว่ากันนะครับ ส่วนที่มีตำรวจมาส่งผม เพราะผมไม่เคยมาที่นี่ มาไม่ถูก เลยต้องให้พลขับมาส่ง ขอบคุณครับ>
นักศึกษารุ่นพี่ที่มาต้อนรับ พากันยิ้มและพยักหน้า อาจารย์ผู้หญิงนั่งอมยิ้มชอบใจ
ระหว่างเรียน มีช่วงเวลาหนึ่ง เกิดเหตุการณ์ตึงเครียดขึ้น เพราะการนำเสนอหน้าชั้นเรียน กล่าวคือ ปลัดอำเภอสาวจาก ศอบต. ได้นำเสนอว่า
<เหตุการณ์ก่อความไม่สงบในสามจังวัดชายแดนภาคใต้ มักจะเกิดขึ้นในช่วงใกล้ของบประมาณประจำปี>
นายทหารหนุ่ม ยศ พ.ท. สามนาย พี่มาเรียนและนั่งฟังอยู่ ได้โต้แย้งและพูดว่า <เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกครั้งเป็นเหตุการณ์จริง ไม่มีการสร้างสถานการณ์แต่อย่างใด>
ปลัดอำเภอสาวยืนยัน นายทหารหนุ่มก็คัดค้าน เป็นอยู่เช่นนั้น
นักศึกษาเริ่มขยับตัวไปรวมกันเป็นกลุ่ม ๆ นายทหารสามนายถูกโดดเดี่ยว อาจารย์ผู้หญิงเริ่มมีสีหน้าวิตกกังวล
ผมตัดสินใจยกมือขึ้น และขออนุญาตอาจารย์พูด ผมไปยืนหน้าชั้นและพูดว่า
<ทำไมเหตุการณ์ก่อความไม่สงบจึงเกิดขึ้นในช่วงใกล้ของงบประมาณประจำปี เรื่องนี้มีคำตอบครับ แต่ต้องตอบคำถามผมให้ได้ก่อนว่าทำไมบั้งไฟพญานาค ที่ขึ้นในแม่น้ำโขง ภาคอีสานจึงเกิดขึ้นในวันแรม 15 ค่ำเดือน 11 ของทุกปี ถ้าตอบปัญหาที่ผมถามได้ก็สามารถตอบปัญหาของท่านปลัดได้เช่นเดียวกัน
มีใครตอบได้ไหมครับ ไม่มีใช่ไหมครับ
สรุป มันเป็นเหตุการณ์ มันเป็นปัญหา มันเป็นคำถาม ที่ไม่ต้องการคำตอบครับ จบนะครับ>
สถานการณ์คลี่คลาย นักศึกษาเริ่มขยับไปนั่งที่เดิม อาจารย์ยิ้มออก
เรียนไปได้ประมาณครึ่งปีมีคำสั่งพิเศษย้ายผมไปดำรงตำแหน่งเป็น ผกก.สภ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ผมไปลาอาจารย์และลาเพื่อน ๆ นักศึกษาอาจารย์พูดว่า <เธอน่าจะเป็น….. เม็ดงามของคณะ เสียดายเธอจัง>
ที่บุรีรัมย์ ผมคิดหาวิธีเรียนต่อ ถ้าเป็นคณะเดิมที่เรียน ต้องไปอีกจังหวัดหนึ่งแต่ถ้าเรียนคณะใหม่ ก็ไปเรียนที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
ผมตัดสินใจนับหนึ่งใหม่ ไปสมัครเรียนที่นิด้าสีคิ้ว น่าจะสะดวกทุกอย่างเพราะบ้านพักก็อยู่ที่เมืองโคราชด้วย
วันแรกที่เจอพี่ ๆ เพื่อน ๆน้อง ๆ ได้มีการคัดเลือกประธานรุ่นชั่วคราวมีมติให้นายทหารรุ่นใหญ่และเป็นผู้อาวุโส รักษาการประธานรุ่น
เรียนได้สักระยะหนึ่ง จนมีความสนิทสนมคุ้นเคยกันจึงได้มีการเลือกประธานรุ่นคนใหม่ ผมได้พูดเสนอว่า
<รุ่นที่ผ่าน ๆ มา มีแต่พวกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง ทหารหรือตำรวจ พาเหรดกันเป็นประธานรุ่น ควรจะ มีการเปลี่ยนแปลงให้ภาคเอกชน คนที่ไม่มียศ ไม่มีตำแหน่ง ขึ้นมาเป็นประธานรุ่นบ้าง แล้วพวกข้าราชการทุกหมู่เหล่าที่มาเรียนต้องยอมรับการเป็นผู้นำของเขารวมทั้งให้การสนับสนุนในการปฏิบัติด้วย ถือว่าเป็นมิติใหม่ครับ>
ทุกคนเห็นด้วย ผลการเลือกประธานรุ่นได้ประธานรุ่นเป็นนักธุรกิจ โรงงานกำจัดขยะ ชื่อคุณ เอกรินทร์ เหลืองวิริยะกุล ประธานรุ่นได้แต่งตั้งให้ผมเป็นประชาสัมพันธ์ของรุ่น
ต่อมานิด้าได้จัดงานครบรอบ 50 ปี ของคณะที่ผมเรียนขึ้น ที่สถาบันนิด้าสีคิ้วมีผู้มาร่วมงานมากมายนับพันคน มีการเสวนาเกี่ยวกับเรื่องการเมือง เศรษฐกิจและสังคมโดยอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงสามท่าน ผม ได้รับเลือกให้เป็นพิธีกรภาคสนาม และเป็นคนแนะนำผู้เสวนา
<กราบเรียนท่านอาจารย์และท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ กระผม พ.ต.อ.ไอยศูรย์ สิงหนาท นักศึกษาปริญญาโทนิด้ารุ่นที่ 14 ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นพิธีกรภาคสนาม
กระผมขออนุญาตแนะนำตัวอาจารย์ผู้ร่วมเสวนาและพิธีกรเวที อาจารย์ที่มาเสวนาวันนี้ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและทรงภูมิอย่างยิ่ง
- อาจารย์ท่านแรกคือ ศ.ดร.บุญทัน ดอกไทสง
- อาจารย์ท่านที่สองคือ ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์
- อาจารย์ท่านที่สามคือ รอง ศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์
พิธีกรบนเวทีนั้น ท่านเป็นพิธีกรมังกรหยก ผู้มีวาจาเป็นอาวุธ คุณสรยุทธ สุทัศนจินดา ขอเชิญทุกท่าน ร่วมรับฟัง การเสวนา ณ บัดนี้ครับ>
จำได้ว่ามีเสียงปรบมือ แต่ตอนนั้นหูอื้อแล้วครับ
เมื่อจบการเสวนา ผมได้พูดว่า <การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่เสวนากันวันนี้ มีบทสรุปคือ ชีวิตที่ไม่เคยผ่านทุกข์ จะรู้จักสุขได้อย่างไร>
ได้ยินเสียงปรบมืออีกครั้ง คราวนี้โล่งอกโล่งใจจริง ๆ
ช่วงกลางคืน มีงานเลี้ยง คุณเอกรินทร์ ประธานรุ่น บอกผมว่า <พี่ไอซ์ นักศึกษาที่มาจากจังหวัดอื่น ๆ หลายคน พูดคุยกับผมและถามผม เกี่ยวกับพี่ไอซ์ เขา…..กันใหญ่ ผมหน้าบานเลย ที่เสนอพี่ไอซ์ให้เป็นพิธีกร>
ผมขอบคุณคุณเอกรินทร์ ประธานรุ่น ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน
ขอบพระคุณพ่อ แม่ ที่สอนให้พูดจาภาษาคน
ขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ที่สอนให้พูดภาษามนุษย์
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท