“บิ๊กต๊ะ” ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 2 ราย ยาบ้ารวมกว่า 11 ล้านเม็ด
วันที่ 27 พ.ค.65 เวลา 09.30 น.ที่ ตำรวจภูธรภาค 5 : โดย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.อนุชา อ่วมเจริญ ผบก.ภ.จ.พะเยา, พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดิ ผบก.ภ.จ.แพร่, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่, พล.ต.ประสิษฐิพงศ์ มูลดี รอง ผอ.ศอ.บส.ชน., พ.อ.ชายแดน กฤษณสุวรรณ เสธ.ศป.บส.ชน., นายอุดม นามเมือง ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปปส.ภาค 5 ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 2 ราย ยาบ้ารวมกว่า 11 ล้านเม็ด
ดคีแรก ชุดสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกับ ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย โดยเมื่อวันที่ 19 พ.ค.65 เวลาประมาณ 23.00 น. สามารถจับกุมขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดได้ยาบ้าจำนวน 4 ล้านเม็ด ยึดรถยนต์จำนวน 2 คัน โทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 5 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ถนนสายเทิง-เชียงราย บริเวณสามแยกบ้านหัวดอย ม.6 ต.ท่าสาย อ.เมือง จ.เชียงราย โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อการค้าโดยไม่ได้อนุญาตเพื่อการค้าและเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน”
การจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติดของนายภัทรชนน วงศ์หิรัญญา ซึ่งมีพฤติการณ์ในการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยใช้เส้นทางมาตามถนนสายเลี่ยงเมืองตะวันออก โดยใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน บบ- 9748 พะเยา ขับขี่โดยนายวันชัย ทรงตระกูลวงศ์ (หลบหนี) และ รถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า หมายเลขทะเบียน บพ 4398 พะเยา ขับขี่โดย นายภัทรชนน วงศ์หิรัญญา (หลบหนี) มุ่งหน้าจาก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย มายังพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้วางกำลังดักซุ่มไว้ตามเส้นทางดังกล่าว ต่อมาได้สังเกตุเห็นรถยนต์ ทั้งสองคันข้างต้นขับวิ่งตามกันมาโดยใช้ความเร็วสูง จึงได้สะกดรอยติดตาม จนกระทั่งถึงบริเวณ สถานที่เกิดเหตุ บริเวณแยกหัวดอย ม.6 ต.ท่าสาย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย พบรถยนต์ทั้ง 2 คัน จอดอยู่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ ซึ่งในระหว่างนั้นคนร้ายได้อาศัยความมืดทิ้งรถ และวิ่งหลบหนีไปได้ จากการตรวจสอบพบ ยาเสพติดของกลางจำนวน 4 ล้านเม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในท้ายกระบะ จึงได้ทำการตรวจยึดยาเสพติดและรถยนต์ของกลางมาทำการตรวจสอบโดยละเอียด พบเครื่องโทรศัพท์มือถือของกลางตกอยู่ภายในรถทั้งสองคัน รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้อง จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลและส่งของกลางไปยังพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คดีที่สอง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 พ.ค.65 เวลาประมาณ 00.10 น. ชุดสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกับชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ได้สืบทราบว่ามีกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจะมีการลักลอบลำเลียงจากพื้นที่แนวชายแดนเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จึงได้ออกสืบสวนหาข่าว ต่อมาได้รับแจ้งว่า พบรถยนต์คันหมาย เลขทะเบียน บน 6445 ตาก มีการขับผ่านจุดตรวจเมืองกาญจน์ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายตามที่ได้รับแจ้งจากสายลับ เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดจึงได้เฝ้าสังเกตุการณ์ตามเส้นทางที่คาดว่ารถยนต์คันดังกล่าวจะขับผ่าน จนกระทั่งพบว่า มีรถยนต์กระบะ สีขาว ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ขับขี่มาจากหมู่บ้านกิ่วกาญจน์ มุ่งหน้าเข้าตัว อ.เชียงของ โดยมีรถยนต์กระบะ สีเทา มีโครงเหล็กกระบะท้าย มีผ้าใบปกคลุมมิดชิด ลักษณะคล้ายกับรถยนต์กระบะคัน ทะเบียน บน 6445 ตาก ขับขี่ตามกันมาอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึดจึงได้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนหน้าที่ว่าการอำเภอเชียงของ เพื่อเรียกตรวจค้นรถทั้งสองคัน โดยรถยนต์สีขาวได้ขับขี่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่งติดตามไป ส่วนรถยนต์คันที่มีโครงเหล็กและมีสิ่งของอยู่ท้ายกระบะ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เลี้ยวกลับรถ มุ่งหน้าไปทางท่าเรือบั๊ก โดยมีเจ้าหน้าที่ไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิดและได้เข้าสกัดรถยนต์คันดังกล่าวที่บนถนนในหมู่บ้านหัวเวียง หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย โดยผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวได้ทิ้งรถยนต์พร้อมอาศัยความชำนาญหลบหนีเข้าป่าไปพบเพียงรองเท้าแตะ สีน้ำเงิน ยี่ห้อ GAMBOL จำนวน 1 คู่ ตกอยู่ใกล้กับจุดที่ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ส่วนรถยนต์คันสีขาวอาศัยความชำนาญในพื้นที่และเร่งเครื่องหลบหนีไป
จากการตรวจสอบรถยนต์คันที่สกัดไว้ พบว่า เป็นรถยนต์กระบะคันหมายเลขทะเบียน บน 6445 ตาก โดยบริเวณกระบะท้ายมีสิ่งของบรรทุกอยู่โดยมีผ้าใบปกคลุมมิดชิด จากการนำผ้าใบออกทำการตรวจสอบและพบว่ามีกระสอบฟางวางเรียงกัน เมื่อเปิดกระสอบออกทำการตรวจสอบพบว่า ภายในกระสอบฟางมียาบ้าซุกซ่อนอยู่ในถุงกระสอบ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และทำการเคลื่อนย้ายรถยนต์กระบะคันดังกล่าว มาที่ สภ.เชียงของ และทำการตรวจนับกระสอบซึ่งบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ทั้งหมด จำนวน 35 กระสอบ กระสอบละประมาณ 200,000 เม็ด รวมประมาณ 7,000,000 เม็ด โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)โดยการมีไว้เพื่อการค้าโดยไม่ได้อนุญาตเพื่อการค้าและเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน” จากนั้นได้ร่วมกันทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
เครือข่ายของขบวนการขนยาเสพติดทั้ง 2 กรณีนี้ จากการขยายผลแล้วพบว่าเป็นเครือข่ายของปอลีหรือนายบุญชัย แซ่มัว นักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งตำรวจภูธรภาค 5 ได้ขอออกหมายแดง (Interpol notice) ไว้แล้ว จะได้ประสานกับประเทศที่ตัวนายบุญชัยหรือปอลี แซ่มัว หลบหนีไปอาศัยอยู่ให้ดำเนินการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
สำหรับผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ ตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2564 -26 พฤษภาคม 2565 นั้น ตำรวจภูธรภาค 5 สามารถจับกุมยาบ้ารายสำคัญได้ จำนวน 116 คดี ยาบ้า 126,491,831 เม็ด, ไอซ์ 702 กิโลกรัม, เฮโรอีน 47 กิโลกรัม, ฝิ่น 157 กิโลกรัม, เคตามีน 126 กิโลกรัม และ ตำรวจภูธรภาค 5ได้เสนอ ป.ป.ส.ภาค 5 ให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดของผู้กระทำความผิดยาเสพติด โดย ป.ป.ส.ภาค 5 ได้มีคำสั่งยึดทรัพย์สินไปแล้วทั้งสิ้น 435 ล้านบาท
สุรเชษฐ ศิลานนท์
รายงาน