ฤทธิ์เฉดหัวพรรคร่วม สู่วิกฤตยุบสภา
16 ธันวาคม 2567 นายไพศาล พืชมงคล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Paisal Puechmongkol’ ความว่า…
การเมืองไทยมาถึงจุดพลิกผัน ก้าวสู่หนทางยุบสภา
1. การคำรามของนายทักษิณ ตะเพิดพรรคร่วมที่หนีการประชุม ครม. พิจารณาร่างพระราชกำหนดเกี่ยวกับภาษีอากร จวกหนักว่าเป็นพวกอีแอบ ถ้าไม่พอใจอยู่ก็ให้ออกไป ซึ่งเป็นอาการสะท้อนการตบะแตก เนื่องจากมีข้อขัดแย้งภายในสะสม และหมักหมม มากจนเกิดระเบิดอารมณ์ดังกล่าว ทั้งที่รู้ดีว่ารัฐมนตรีที่ไม่เข้าร่วมประชุมนั้น มีถึง 8 คน ในจำนวนนี้รวมหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และรัฐมนตรีจากพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคประชาธิปัตย์ด้วย
2. เป็นวิสัยนักการเมืองที่รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง จึงเด้งเชือกไว้ก่อน รัฐมนตรีที่โดดการประชุมทุกคนปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกันว่า ติดภารกิจอย่างโน้นอย่างนี้บ้าง ซึ่งดูเหมือนว่าหวั่นเกรงต่อเสียงคำรามที่ดังสนั่นมาจากต่างจังหวัด แต่น้ำใจโจรนั้น เหล่าโจรด้วยกันก็จะรู้ว่าหมายความว่าหมายถึงอะไร ดังนั้น จึงเกิดการประสานงานรวมตัวกันขึ้น และเริ่มก่อหวอดแสดงท่าทีทางการเมืองร่วมกัน เช่น การแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมายยึดอำนาจฝ่ายทหาร เป็นต้น
3. การเคลื่อนไหวนอกสภา เริ่มมีกระแสถึงการประสานงานกับพรรคประชาชน ซึ่งกระแสเพียงเท่านี้ก็พอเห็นแล้วว่าพรรคร่วมรัฐบาล บวกกับพรรคประชาชนก็มีเสียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ซึ่งถ้าหากสถานการณ์ไปถึงขั้นนั้น และมีความชัดเจนขึ้น พรรคเพื่อไทยคงไม่ปล่อยให้ไปถึงขั้นมีการเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจไล่รัฐบาล หรือแพ้โหวตในกฎหมายสำคัญ ในสภาพเช่นนี้การเมืองจึงโฉมหน้าไปสู่การยุบสภา ทำให้การยุบสภานั้นเป็นสภานการณ์ทางการเมืองที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่การยุบสภานั้นใครจะประกันได้เล่าว่าจะสามารถดับกระแสต่อต้านที่กำหนดขับเคลื่อนอย่างเต็มที่อยู่นอกสภาได้ ที่สำคัญคือ เรื่องนี้เป็นบทพิสูจน์ว่า ความคิดเห็นที่ถีบหัวส่งพรรคก้าวไกล ไม่ให้จัดตั้งรัฐบาลตามวิถีทางปกติ เพราะความหวาดกลัวจนเกิดกาลนั้น กลับกลายเป็นเรื่องหนีเสือปะจระเข้ ที่ร้ายแรงกว่าหลายเท่า ดังนั้น สถานการณ์แบบนี้ อะไรที่ไม่คาดฝันก็ยังเกิดขึ้นได้ จับตาดูกันให้ดีก็แล้วกัน