ความเข้าใจเรื่องบ้านป่ารอยต่อ มูลนิธิบ้านป่ารอยต่อ ได้ขออนุญาตกองทัพบกตั้งสำนักงานในพื้นที่กองทัพบกมานานแล้วไม่ได้อยู่เพราะ ลุงป้อม และไม่ต้องย้ายออกเมื่อลุงป้อมเกษียณอายุ
มูลนิธิป่ารอยต่อ
ผมเคยโพสต์เรื่องมูลนิธิป่ารอยต่อมาครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน มาถึงวันนี้ เรื่องราวและชื่อของบ้านป่ารอยต่อกำลังดังขึ้นมากในทางการเมือง และมีข่าวว่า กำลังมีคนไปร้อง ขอให้กองทัพบกขับไล่บ้านป่ารอยต่อออกจากพื้นที่ทหาร อ้างว่าลุงป้อมเกษียณอายุแล้ว จะอยู่ในที่ทหารอีกต่อไปไม่ได้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า เป็นกระบวนการขับเขี่ยวต่อสู้กันในทางการเมืองเพื่อจะดิสเครดิตกันเท่านั้นโดยไม่รู้ความจริงว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องก็จะโพสต์เรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง
~ เมื่อครั้งที่ลุงป้อมเป็นผู้บัญชาการทหารบกนั้น ก็เป็นหัวหน้าใหญ่ของ หน่วยทหารที่เรียกว่า ทหารเสือพระราชินี ซึ่งก็คือหน่วยบูรพาพยัคฆ์ในปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งครั้งนั้นถือว่า เป็นหน่วยทหารราชองครักษ์เฉพาะในพระองค์ ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถสิริกิติ์ หรือสมเด็จพระพันปีหลวงในปัจจุบันนี้ บทบาทและความสำคัญ ก็ไม่ต่างกับทหารคอแดงในยุคปัจจุบันนี้
~ สมเด็จพระนางเจ้าพระองค์นั้น ทรงผูกพันและรักห่วง ผืนป่าของประเทศไทยมาก ขนาดทรงเปรียบเทียบว่า พระองค์เป็นป่าพระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ทรงอุทิศเวลาจำนวนมาก ในการบำรุงรักษาป่า เพื่อให้ตกเป็นมรดกของชาติและประชาชนในวันข้างหน้า แต่ปรากฏว่าป่าก็ยังถูกทำลายจนลดน้อยถอยลงโดยลำดับ และทำให้ปัญหาอุทกภัย รุนแรงขึ้นในประเทศของเราทุกปี
~ ในครั้งกระนั้น ทรงมีพระราชเสาวณีย์กับลุงป้อม มอบหมายภารกิจสำคัญอย่างหนึ่งให้ลุงป้อมทำให้สำเร็จ คือการดูแลบำรุงรักษาป่ารอยต่อ 5 จังหวัดซึ่งเป็นป่าผืนใหญ่และอุดมสมบูรณ์ที่สุดผืนเดียวที่เหลืออยู่ของประเทศไทย และทรงตั้งความหวังว่า จะมีการดูแลให้ยั่งยืนตลอดไป
ลุงป้อมก็กราบน้อมรับพระราชเสาวนีย์นั้น และตั้งใจมั่นว่า จะสนองพระราชเสาวนีย์ด้วยความซื่อตรงและให้บังเกิดผลจริงยั่งยืนที่สุด และลุงป้อมก็ทำได้อย่างเต็มที่ และอย่างดีที่สุด จนกระทั่งถึงวันนี้ เวลาผ่านไปนานนักหนาแล้ว ป่ารอยต่อก็ยังมีความสมบูรณ์ และเป็นผืนป่าใหญ่ที่สุดผืนเดียวของประเทศที่เหลืออยู่ สมดังที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยทุกประการ
~ ลุงป้อม คิดการณ์ไกลไปถึงวันข้างหน้าว่าวันเวลาที่ตัวเองเกษียณอายุก็จะมาถึงสักวันหนึ่ง ดังนั้นเพื่อให้สิ่งที่รับพระราชทาน และความไว้วางพระราชหฤทัย จีรังยั่งยืน ลุงป้อมจึงตั้งเป็นมูลนิธิขึ้นมา ชื่อว่ามูลนิธิป่ารอยต่อ ได้ชักชวนเพื่อนพ้องน้องพี่และนักธุรกิจรายใหญ่ มาเป็นกรรมการ เพราะรู้ดีว่า มูลนิธิต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาป่า ต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานไปในอนาคต ลุงป้อมมีบารมีมากจึงมีผู้เข้าร่วมเป็นกรรมการมูลนิธิ และบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการดูแลรักษาป่านี้เป็นจำนวนมาก
~ มูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์ จะรักษาผืนป่าตามพระราชเสาวนีย์ ให้ยั่งยืนตลอดไป ก็จำเป็นจะต้องมีสำนักงานขึ้น ก็มีการรวบรวมเงินทองจากการบริจาค ก่อสร้างเป็นสำนักงานของมูลนิธิบ้านป่ารอยต่อขึ้น ในพื้นที่ของกองทัพบก จึงได้มีการขออนุญาตใช้พื้นที่ของกองทัพบกเป็นที่ตั้งมูลนิธิ มาตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ และลุงป้อมก็ใช้ ที่ทำการนี้ เป็นที่ทำงานของทั้งมูลนิธิและของตนเองด้วย รวมทั้งใช้เป็นที่พบปะของกรรมการและผู้สนับสนุนมูลนิธิด้วย
~ ต่อมาเมื่อลุงป้อมตั้งพรรคการเมือง ก็ได้ใช้อาคารของมูลนิธิ เป็นที่พบปะพรรคพวกในวงการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ เป็นที่เดือดร้อนเสียหายแก่บุคคลอื่น ถ้าหากว่าเป็นความเสียหาย เพราะใช้ที่ทำการมูลนิธิผิดประเภทก็เป็นเรื่องของผู้จัดการมูลนิธิกับลุงป้อมจะต้องว่ากล่าวกัน ไม่ใช่เรื่องที่ คนอื่นภายนอก ที่ไม่ได้มีส่วนได้เสียกับมูลนิธิจะเป็นเจ้ากี้เจ้าการ
ดังนั้นใครที่คิดจะไปร้อง ว่าลุงป้อมใช้ที่ทำการของกองทัพบก ก็เป็นความเข้าใจผิด และกรณีก็ไม่ใช่เรื่องที่ลุงป้อมเกษียณอายุแล้วยังใช้สถานที่ราชการแต่อย่างใด
การไปร้องเรียนเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องเกมการเมือง เพื่อปั่นป่วนกวนใจ หรือทำให้ได้อายกันเท่านั้นแต่ความจริงเป็นดังที่ผมว่ามานี้นี่แหละ
Cr. เพจ Paisal Puechmongkol