การเมือง

ครม.สายตรงสืบสันดาน แบกความหวังบนความเสี่ยง อยู่ยาวนาน…แค่ไหน?


17 กันยายน 2024, 17:53 น.

 

เรื่องจากปก

 

ครม.สายตรงสืบสันดาน แบกความหวังบนความเสี่ยง อยู่ยาวนาน…แค่ไหน?

 

ในที่สุดประเทศไทย ได้นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 อายุน้อยที่สุด 37 ปี “น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” ต่อจากนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ท่ามกลางหลายฝ่ายกังวล มีคำถามว่า…สถานการณ์ของประเทศอยู่ในภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน หรือ จีดีพี. ถดถอย คนรุ่นใหม่เป็นนายกรัฐมนตรีวันนี้จะเป็นโซ่ซ้อกลางประสานสื่อสารระหว่างคนรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ได้ดีแค่ไหน?

 

จากสถานการณ์ลุ้นเสียวบนความเสี่ยว ตามจังหวะอดีรนายกฯฯ ในตำนานออกแสดง “หน้าม่าน” เล่นเองคุมคิวกำกับเองตามบท “ผู้ครอบครอง” นายกคนสุดท้องตระกูลชิน

 

จะเข้าเงี่ยงกฎหมายโดนร้องฐานปล่อยให้คนนอกชี้นำหรือไม่? จากนี้ไปต้องดูนโยบายแนวทางการบริหารว่า “ไพ่ใบสุดท้าย” หรือ “ท้ายสุด” !! มีทิศทางเช่นไร

 

อย่างที่เคยว่าไว้ การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน การเปลี่ยนในพรรคการเมืองและสืบทอด ย่อมเป็นไปตามกลยุทธ์ของอำนาจ เป็นไปตามกฎธรรมชาติการเมือง มีมาทุกยุคสมัยของ “กลุ่มทุน” ซึ่งควบคุมกลไกพรรคสูงสุด

 

ปี 2568 นักวิเคราะห์การเมืองประเมินว่าจะเป็นปีที่การเมือง “กระเพื่อม” ขึ้นหลายเรื่อง จนนำไปสู่จุดเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ต้องปรับ ครม. เป็นระลอก อาจมีผลสะเทือนทำให้รัฐนาวา “อิ๊งค์ 1” ต้องล่มได้ โดยเฉพาะพลังสารพัดของบรรดา “นักร้อง” ทั้งหลายที่แอบซ่อน “จุดตาย” อยู่หลายปม!!

 

ที่น่าจับตาคือปรากฎการณ์ เรื่องเศรษฐกิจที่ไม่ฟื้นรุนแรง เรื่องนักลงทุนย้ายฐานการผลิตแถมยังเกิดการทุจริตคอร์รปชั่น เป็นเร่งเกิดพลานุภาพทำให้รัฐบาลอยู่ยากขึ้น

 

หลายฝ่ายจับตา พรรคประชาชน แม้ยังไม่ถึงฝัน แต่ต้องยอมรับว่าพลังของคนรุ่นใหม่สามารถสร้างคะแนนเชิงบวกได้อยางต่อเนื่องและน่ากลัว แม้ที่ผ่านมามีการผิดพลาด เสมือนจุดเทียนไข ทั้งสองด้านโชติช่วงมาอย่างรีบเร่ง และจากไปอย่างรวดเร็วของ “พรรคก้าวไกล”

 

แต่วันนี้บทเรียนที่ผ่านมาทำให้ “พรรคประชาชน” ต้องทบทวน โดยเชื่อกันว่าเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า “พรรคประชาชน” จะได้คะแนนไหลเข้าอย่างท่วมท้น

 

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ถูกตั้งคำถามหนักเข้าร่วมรัฐบาลภายใต้ทีมบริหารชุดใหม่ ใช้เสียงข้างมากลากไป เก็บอุดมการณ์ใส่ลิ้นชัก จับมือศัตรูการเมือง ลืมอดีตที่เคยฟาดฟันกันมายาวนานแถมลอยแพเสียงข้างน้อย เหล่าอาวุโสที่ชูจุดยืนอย่างมีศักดิ์ศรี เช่น นายชวน หลีกภัย ทำให้อนาคตประชาธิปัตย์ยิ่งง่อนแง่นเสียงดิ่งเหว ซึ่งเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ต่างจากพรรคพลังประชารัฐ ที่โดนถีบหัวส่ง ผลักไสไปเป็นฝ่ายค้าน ปิดสวิทซ์ “ลุงป้อม” ไร้เยื่อใย “นั่งกลืนเลือด” ต้องสำรวจตัวเองนั่งจิบใบบัวบก

 

วันนี้ “ทักษิณ” สร้างแนวรบใหม่ประดังเข้ามาหลายทิศทาง นับเป็นอันตรายต่อลูกสาวอย่างยิ่ง สะเทือนรัฐบาล “แพทองธาร” ที่เริ่มบริหาร ต้องเผชิญความร้อยแรงรับศึกหลายหน้าแทบไม่ทั้นตั้งกองแข่ง

 

กลุ่มก๊วนที่เคยร่วมรัฐบาลจ้องรุมสกัมแม้กระทั่งคนเคยรักอย่าง “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ก็ยังออกมาแถวหน้า โดยระเบิดเวลาชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ความลับที่ไม่เคยเปิดเผยส่งข้อมูลให้ “ปปช.” เล่นงาน

 

นับวันตัวแปรย่อมพลิกผันให้ทุกอย่างไม่ได้เรียบราบอย่างอดีตนายกฯ ทักษิณคิด แม้จะมีความปราดเปรื่องทางการเมืองที่ยืนมาได้ยายนานถึงขนาดนี้ วางหมากการเมืองซับซ้อนปูทางให้ลูกสาวอยู่ครบเทอม

 

ต่อไปนี้ นายก “อิ๊งค์” ต้องเหนื่อยจากการถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น ทั้งการบริหาร และตัวรัฐมนตรีร่วมคณะอย่างเลี่ยงไม่พ้น!

 

ก็ไม่รู้ว่า “รัฐนาวา” ภายใต้การชูธงของลูกสาวนายใหญ่ จะเดินหน้าทำงานได้มากน้อยแค่ไหน เพราะแม้แต่ตัวนายกฯ เองก็ต้องให้พ่อช่วยขณะที่รัฐมนตรีอีกไม่น้อยที่ถูกส่งเข้ามาด้วยความจำเป็นทางการเมือง ต้องทำงานไปฝึกงานไป และอยู่เบื้องหน้ารัฐมนตรีตัวจริง หลังม่านถ้าเกิดการผิดพลาด รัฐมนตรีโดนสอย ไม่ใช่ รมต. ที่ต้องหลุดจากตำแหน่ง แต่นายกฯ ต้องร่วงไปด้วยหากไม่ผ่านด่านจริยธรรมความดีตามบรรทัดฐานใหม่ของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

 

อดีตนายกฯ ทักษิณ จำต้องทิ้งไพ่สเปโตเทหมดหน้าตัก เที่ยวนี้ต้องแก้เศรษฐกิจปากท้องที่ตกต่ำให้กลับคืนมา ท่ามกลางเส้นทางเกลื่อนด้วย “ตะปูเรือใบ” 

 

นายกฯ แพทองธาร ประกาศชูธง รัฐบาลพร้อมเหยียบคันเร่งให้ผลงานออกมาเร็วที่สุด!

 

ที่น่าสะพรึง คือ โพยลับที่ว่า “ครม.อุ๊งอิ๊งค์ 1” อาจไม่ผ่านเครื่องสแกนที่ว่า ยังมีถึง 11 รายที่มีปัญหาคุณสมบัติ

 

เรื่องที่จะต้องระมัดระวังคือ “ระบบสืบสันดาน” มักจะนำไปสู่ระบบอุปถัมภ์ เล่นพรรคเล่นพวก ก่อให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบายการบริหารประเทศเหมือนในอดีต ขณะที่ระบบการตรวจสอบโดยถ่วงดุลอำนาจ ถูกกระทำให้อ่อนแอแทนจะเป็นประชาธิปไตย กลับเป็นระบบ “คณาธิปไตย”

 

อย่างไรก็ตาม นโยบายอุ๊งอิ๊งค์ 1 แถลงต่อที่ประชุมสภา ส่วนใหญ่รัฐบาลเศรษฐาได้เคยแถลงนำร่องมาแล้ว “นายกฯ แพทองธาร” เพียงแค่ต่อยอดสานงานต่อนโยบายเร่งด่วน ก็ดำเนินไปได้สวยหรู

 

เรียกว่า “รัฐบาลเศรษฐา” วางฐานให้ “อุ๊งอิ๊ง” เหมือนวางแผนมาแล้วล่วงหน้าจากฝีมือ “นายใหญ่” จึงเบามือไปเยอะ!!

 

ส่วนม็อบที่ประกาศระดมพลโค่นล้มกระดานรัฐบาลสองพ่อลูกนั้น หลายฝ่ายระบุ “ไม่น่ากังวล” เครือข่ายต้านระบอบทักษิณไม่น่าจุดติดบนสถานการณ์เช่นนี้ ที่น่าห่วงในคือฤทธิ์เดชอาวุธลัยที่แฝงอยู่ในองค์กรอิสระ ซึ่งยังทรงอิทธิพลอยู่ภายใต้เงาทะมึนอากาศครึ้มแห่ง “ป่าลึกลับ”! หวังลบล้าง “ผู้ครอบครอง-ผู้ครอบงำ” ภายใต้คำมั่นสัญญาประชาคม “ประชาชนต้องมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี”

 

บทเรียนสำคัญที่ “ทักษิณ” ต้องจดจำตลอดชีวิตคือ ความมั่นใจเกินไปของตนเองในกฎหมายนิรโทษสุดซอย! ในอดีต หากมีการผิดพลาดขึ้นอีกต้องเป็นตราบาปใหญ่หลวงนัก

 

“อำนาจ” เพทภัยมากกว่า “วาสนา” จริง!!

 

 

ลาด พาดกลอน

 

 

 

ข่าวในหมวดเดียวกัน

เพิ่มเติม...

การเมือง

คอลัมนิสต์

คมในความ

มหาราษฎร์ Shorts

ภาพเก่าเล่าอดีต

ไฮไลท์

ข่าวประชาสัมพันธ์

ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล คุก

ท่องเที่ยว

ศาสนา

สุขภาพ

แวดวงนักรบ

สังคม

บทบาทบุคคล

< กลับหมวดการเมือง

เรื่องล่าสุด