วันที่ 11 กันยายน 2567 นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน พร้อมด้วยนายวิชิต อินทรเจริญ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้อำนวยการกองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ ผู้อำนวยการกองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน ผู้อำนวยการสำนักคุ้มครองสิทธิมนุษยชน สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้อำนวยการกลุ่มงานที่ปรึกษากฎหมายนิติกรรมและสัญญา กองนิติการ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หารือร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดูแลความเป็นอยู่ของแรงงานไทย พร้อมตรวจเยี่ยมพบปะให้กำลังใจแรงงานไทยที่มาเก็บผลไม้ป่าที่แคมป์คนงาน ณ เมือง Munkfors ประเทศสวีเดน
นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยแรงงานไทยทุกคนที่เดินทางไปทำงานในต่างประเทศ เนื่องจากแต่ละคนเป็นเสาหลักของครอบครัวตั้งใจมาทำงานหาเงินส่งกลับเลี้ยงครอบครัวที่ประเทศไทยและยังเป็นการหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย การเดินทางมาราชอาณาจักรสวีเดนในครั้งนี้ ผมจึงถือโอกาสเดินทางไปเข้าพบผู้บริหารโรงงานรับซื้อและแปรรูปผลไม้ป่า Ransaters Invest AB ณ เมือง Munkfors เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองแรงงานไทย ทั้งในเรื่องสภาพความเป็นอยู่ การจ่ายค่าจ้าง การเสียภาษีตามกฎหมาย ตารางการทำงาน สวัสดิการ การอบรมก่อนและหลังเดินทางให้กับแรงงาน มาตรฐานของบริษัทในการดูแลแรงงาน และการปรับตัวในการดำเนินการของบริษัทให้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบการนำแรงงานเข้ามาทำงานเก็บผลไม้ป่าในสวีเดน เพื่อให้แรงงานไทยดังกล่าวได้รับการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิการที่เหมาะสม
นายสมชาย กล่าวต่อว่า วันนี้นอกจากหารือผู้บริหารโรงงานรับซื้อและแปรรูปผลไม้ป่า Ransaters Invest AB เกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองแรงงานไทย เพื่อให้แรงงานไทยที่เข้ามาเก็บผลไม้ป่าได้รับการคุ้มครองตามสิทธิและสวัสดิการที่เหมาะสมแล้ว ยังได้พบปะตรวจเยี่ยมสร้างขวัญกำลังใจในการทำงานให้พี่น้องแรงงานที่ทำงานเก็บผลไม้ป่าในความรับผิดชอบของโรงงานรับซื้อและแปรรูปผลไม้ป่า Ransaters Invest AB ซึ่งจากการสอบถามถึงความเป็นอยู่และสภาพการทำงาน ทราบว่าแรงงานไทยทั้งหมดมีความเป็นอยู่ที่ดี ได้รับค่าจ้างและสวัสดิการที่เหมาะสม และได้แนะนำกรณีหากแรงงานต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับการทำงานสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือหรือคำปรึกษาได้ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม หรือกรมการจัดหางาน
“การดูแลแรงงานให้ได้รับสิทธิและสวัสดิการที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญมาก ทั้งในด้านสภาพการทำงาน อัตราค่าจ้างที่เป็นธรรม และการดูแลในเรื่องที่พักและสุขภาพ ซึ่งความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและสวีเดนไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับแรงงานไทยในการเดินทางมาทำงานในประเทศสวีเดนอีกด้วย” อธิบดีกรมการจัดหางานกล่าว