คณะรัฐมนตรีจัดตั้งเรียบร้อยแล้ว หลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์ในวันนี้ ก็ถือว่าคณะรัฐมนตรีนี้สามารถเข้ารับหน้าที่ได้ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ
แต่ขณะนี้กำลังเผชิญหน้ากับวาทกรรมหลากหลาย เช่น เรียกคณะรัฐมนตรีชุดนี้ว่า ชุดผู้สืบสันดานบ้าง หรืออย่างอื่นบ้าง
อย่าไปใส่ใจอะไรมากนัก เป็นการพูดเอามัน หาคุณค่าและความหมายใดๆ ไม่ได้เลย
คำว่าผู้สืบสันดานไม่ใช่คำหยาบหรือคำใหม่ แต่เป็นคำเก่ามีอยู่ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หมายถึงทายาท ซึ่งทายาททางการเมืองในประเทศไทยของเรานั้นมีมานานแล้ว ที่เขาเรียกว่าบ้านใหญ่นั่นแหละคือลัทธิทายาททางการเมือง ที่ลงลึกมาถึงชั้นลูกชั้นหลานชั้นเหลนกันแล้ว ก็ไม่เห็นเป็นที่อัศจรรย์อันใด
เมื่อลัทธิบ้านใหญ่ทางการเมืองของประเทศไทยเป็นอย่างนี้ ก็ย่อมส่งผลต่อรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีด้วย เพราะเมื่อมีลูกมีหลานมีเหลนมาเป็น สส. นักการเมืองแล้วคนเหล่านี้ก็ย่อมเข้าสู่อำนาจทางการเมืองไม่วันใดก็วันหนึ่ง และวันนี้ก็มีความชัดเจนว่า ระบบลูกหลานทางการเมืองนั้นปรากฏตัวขึ้นชัดเจนแล้ว
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับ ประสบการณ์ความรู้ความสามารถว่าเป็นอย่างไร ซึ่งสำคัญกว่าเพราะบังเกิดผลแก่ประเทศชาติและประชาชนโดยตรง ซึ่งกล่าวได้ว่า คณะรัฐมนตรีอุ๊งอิ๊ง 1 นี้ เป็นคณะรัฐมนตรี ชุดมือใหม่หัดขับ
เพราะจำนวนหนึ่งอายุยังน้อยและมือใหม่ ซึ่งตรงนี้สำคัญกว่า ว่าจะมีความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน ให้บังเกิดประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยามได้มากน้อยเพียงใด
แต่ข้อนี้ไม่ห่วง เพราะว่าเมื่อตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ยังมีกระบวนเสริม ที่ทำให้จุดอ่อนทั้งหลาย กลายเป็นความแข็งแกร่งมากขึ้น เพราะมีตำแหน่งทางการเมืองอีกจำนวนมาก ร่วม 1,000 ตำแหน่งที่จะมาเสริมความเข้มแข็งให้กับคณะรัฐมนตรี ที่สำคัญคือ
1. ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรองนายกและรัฐมนตรีประมาณ 45 ตำแหน่ง
2. ตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เลขาธิการรองนายกรัฐมนตรี และเลขานุการรัฐมนตรี อีกราว 45 ตำแหน่ง
3. ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำนายกรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี และประจำกระทรวงต่างๆ อีกราว 45 ตำแหน่ง
4. ผู้แทนการค้าอีก 5 ตำแหน่ง ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรี ในการเจรจา การค้าการลงทุนการท่องเที่ยวกับประเทศที่ได้รับกำหนด
5. กรรมการรัฐวิสาหกิจ 60 แห่งประมาณ 1,000 ตำแหน่ง
ติดตามดูการแต่งตั้งตำแหน่งทางการเมืองเหล่านี้ ว่าจะถือเอา ประโยชน์สุขของประเทศชาติ และประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยการเสริมคนดีมีฝีมือเข้าไปมากน้อยเพียงใด
ตำแหน่งเหล่านี้ จะช่วยให้การทำงานของแต่ละกระทรวง ของรัฐมนตรีแต่ละคน และของคณะรัฐมนตรีโดยรวมมีความแข็งแกร่งสามารถอุดช่องว่าง ปิดช่องโหว่ และเสริมจุดแข็งได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญคือขณะนี้ คุณทักษิณ ได้กลับมาว่าราชการหลังม่านอยู่แล้ว ท่านเป็นผู้มีสติปัญญาความรู้ความสามารถและประสบการณ์สูงมาก และยังถือพระบรมราชโองการ ที่กำหนดภารกิจว่า การพระราชทานอภัยโทษนั้น ให้นำความรู้ความสามารถมาช่วยเหลือประเทศชาติและประชาชน ซึ่งลุงตู่เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการเอง ก็ยอมนำความรู้ความสามารถที่สูงนั้น มาทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนได้
เมื่อมีพระบรมราชโองการเป็นหนังสือชัดเจนอย่างนี้ ใครจะยอมรับหรือใครจะเถียงก็ว่ากันเอง
เมื่อครั้งที่คุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นประเทศไทยรุ่งเรืองเฟื่องฟูมาก วันหนึ่งนายกรัฐมนตรีจูหรงจีของจีน พบกับพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ท่านก็ได้กล่าวว่า ประเทศไทยโชคดีมีนายกรัฐมนตรีที่แอคทีฟ และมีความสามารถสูงมาก มีพลังในการขับเคลื่อนประเทศชาติอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซึ่งตอนนั้นได้ฟังก็ปลื้ม ในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน ซึ่งเป็นการยากที่นายกรัฐมนตรี จูหรงจีจะชื่นชมใครออกนอกหน้าแบบนั้น ลุงจิ๋วก็ได้แต่ขอบคุณท่านนายกจูหรงจี
ทั้ง 2 ท่านนี้สนิทคุ้นเคยกันมาก ถึงขนาดพูดเล่นล้อกันเรื่องหัวล้านได้
cr. Paisal Puechmongkol