กูรูไพศาล พืชมงคล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Paisal Puechmongkol”
อาถรรพ์หมายเลข 3
ผมตั้งข้อสังเกตมาตั้งแต่ต้นว่า ชะตากรรมของรัฐบาลอุ๊งอิ๊งนั้น เกี่ยวข้องกับเลข 3 เลข 1 และเลข 9 ( นายกคนที่ 31 ได้รับเลือกด้วยคะแนน 319 และเวลาที่ได้รับโปรดเกล้าเป็นนายกคือ 1-3)
เลข 3 ก็คือเรื่องของกองทัพและการทหาร
มาถึงวันนี้ข่าวคราวการตั้งรัฐมนตรีกลาโหมเริ่มมีกลิ่นไม่ค่อยดีและโชยแรงขึ้นทุกวัน ซึ่งผมดูรายชื่อแล้วก็ไม่เข้าท่าก็แปลกใจว่าทำไมคุณทักษิณหรือพรรคเพื่อไทย ไม่นึกถึงยอดคนทางการทหาร 2-3 คน
2 คนแรกคือ พลเอกพฤณ สุวรรณทัต และ พลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต สองคนนี้เป็นทายาทสายตรงของพลเอกทวนทอง สุวรรณทัต อดีตผู้คุมกำลังทหารและความมั่นคงของประเทศสมัยนายกรัฐมนตรีเกรียงศักดิ์ เป็นผู้มีฝีมือและเป็นที่นับถือของเหล่าทัพของบรรดาประเทศทั้งหลายด้วย และก็เคยเป็นรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยมาแล้ว เกียรติภูมิของพลเอกทวนทอง สุวรรณทัตนั้นเป็นที่นับถือของผู้นำทางทหารของทุกประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งจีนด้วย จำไม่ได้หรือว่าเมื่อครั้งพลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต เป็นรัฐมนตรีกลาโหมและเดินทางไปเยือนประเทศจีน ซึ่งกำหนดและฐานะเดิมจะได้พบแค่ท่านพลเอกฟ่านจางหลง รองประธานคณะกรรมการทหารกลางกองทัพปลดแอกประชาชนจีน แต่เมื่อความทราบถึงประธานสีจิ้นผิง ก็มีการรำลึกถึงคุณงามดีของพลเอกทวนทอง สุวรรณทัต ที่เป็นผู้เปิดสัมพันธ์ ระหว่างกองทัพไทยจีนเป็นครั้งแรก โดยการส่งพลเอกชวลิต และ พลเอกพัฒน์ ไปเจรจากับท่านเติ้งเสี่ยวผิงในการทำสงครามสั่งสอนเวียดนาม เพื่อความปลอดภัยของประเทศไทย คำนั้นทางจีน ถึงกับประธานสีจิ้นผิงต้องออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
หรืออย่างน้อยอีกท่านหนึ่งคือพลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งถึงแม้ จะปากร้ายแต่ก็ใจดีเป็นที่นับถือของคนจำนวนมาก ที่ผ่านมาถ้าไม่ถูกย้าย จากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ไปเสียก่อน ก็จะไม่เกิด คสช. เมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา และ ถ้าพลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร ไปเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ก็จะได้พี่ชายคือ พลเอกอุทัย ชินวัตร นักยุทธศาสตร์ทางการทหารคนสำคัญ ซึ่งเป็นคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ของพลเอกพัฒน์ อัคนิบุตร เพื่อนร่วมสาบานของลุงจิ๋ว อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งเป็นขุนนางตงฉินไปช่วยงานอีกคนหนึ่ง และยังมีทีมไชโย ของลุงจิ๋วไปช่วยงานอีกโขยงใหญ่ ถ้าไม่ซวยจริงๆ ก็คงจะได้รำลึกถึงคนเหล่านี้