6 เมื่อนายเสนาะ เทียนทองมาเป็นรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ก็มีการยกเอาเรื่องนี้เล่นงานนายเสนาะ ว่า หลอกต้ม เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามไม่ให้รับโอนที่ดินเพื่อเอามาหาประโยชน์เสียเองเป็นการใหญ่ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ก็ให้ผมไปช่วยปรึกษา เรื่องนี้ให้นายเสนาะ เทียนทอง เนื่องจากผมเป็นเจ้ากี้เจ้าการเสนอให้เชิญนายเสนาะ เทียนทอง มาเป็นเลขาธิการพรรคความหวังใหม่และเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ผมจึงต้องเข้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาตั้งแต่บัดนั้น
นักการเมืองเก๋าพรรคเก่าและเครือข่าย ได้ใช้เรื่องนี้เป็นเรื่องโจมตีพรรคความหวังใหม่ และพลเอกชวลิตรวมทั้งนายเสนาะ เทียนทองอย่างขนานใหญ่
มีการส่งเรื่องให้สำนักงานกฤษฎีกา พิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งครั้งหนึ่งก็มีคำวินิจฉัยว่า เมื่อนางเนื่อมถึงแก่กรรม ที่ดินมรดกรายนี้ยังไม่ตกใด้แก่วัดธรรมิการาม เพราะอยู่ในบังคับกฎหมายคณะสงฆ์ที่จะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีมหาดไทยก่อน และเมื่อรัฐมนตรีไม่อนุญาต ที่ดินนี้ก็ไม่ตกได้แก่วัดธรรมิการาม ผู้จัดการมรดกจึงนำไปจำหน่ายขายได้
แต่เรื่องนี้ก็ยังถูกศัตรูทางการเมืองของนายเสนาะ เทียนทอง ยกขึ้นโจมตีนายเสนาะ เทียนทอง ตลอดมา
จนกระทั่งพันตำรวจโททักษิณตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้นแล้วไปเชิญนายเสนาะ เทียนทอง มาร่วมงานทางการเมือง จึงมีการจัดงานเปิดตัวพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรขึ้นที่จังหวัดปราจีนบุรี มีผู้คนไปร่วมงานมากล้นซึ่งนายเสนาะ เทียนทองได้ชูมือพันตำรวจโททักษิณบอกว่า คนนี้แหละคือนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แล้วยกชาววังน้ำเย็นที่เป็น สส. ทั้งหมดร่วม 83 คนไปเข้าพรรคไทยรักไทย ทำให้กระแสทางการเมืองหลั่งไหล เข้าพรรคไทยรักไทย จนชนะการเลือกตั้งและพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ในการร่วมมือทางการเมืองครั้งนั้นนายเสนาะได้ขอให้พันตำรวจโททักษิณช่วยซื้อหุ้น ในบริษัทอัลไพน์ หรือขายบริษัทอัลไพร์ให้แก่พันตำรวจโททักษิณ ซึ่งท่านก็รับซื้อมา และจัดให้คนถือหุ้น และเป็นกรรมการ รวมทั้ง นายกอุ๊งอิ๊งด้วย ซึ่งตอนนั้น คือราวปี 2544 นายกอุ๊งอิ๊ง ยังเป็นเด็กมาก คือยังเป็นเด็กนักเรียนอยู่ และเป็นการซื้อหุ้นบริษัทอัลไพน์ ไม่ได้ซื้อที่ดิน แต่อย่างใดดังนั้นจึงกล่าวหาว่าฮุบที่ดินดังกล่าวไม่ได้
ปรปักษ์ทางการเมืองของนายเสนาะและพันตำรวจโททักษิณ ได้เคลื่อนไหว เอาเรื่องนี้ เป็นประเด็นหลักทางการเมือง โจมตีทั้งพันตำรวจโททักษิณและนายเสนาะอย่างต่อเนื่อง และมีการส่งเรื่องให้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาอีกหลายครั้ง ผลการพิจารณา บางครั้งก็ว่า เมื่อนางเนื่อมตาย ที่ดินไม่ตกเป็น ของวัด บ้าง เพราะต้องปฏิบัติตามกฎหมายคณะสงฆ์ก่อน บางครั้งก็ว่า ตกเป็นของวัดทันทีตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
หลังจากพันตำรวจโททักษิณต้องลี้ภัยเพราะการรัฐประหารแล้ว เรื่องนี้ก็ยังคงขับเคลื่อนต่อมาจนล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยคณะพิเศษ ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน ก็ได้ให้ความเห็นว่า เมื่อนางเนื่อมตาย ที่ดินมรดกต้องตกแก่วัดธรรมิการามทันทีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นกฎหมายหลัก กฎหมายคณะสงฆ์ไม่ สามารถลบล้างบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้
รัฐบาลได้ส่งคำวินิจฉัยนี้ให้กับกรมที่ดิน อธิบดีกรมที่ดินจึงมีคำสั่งเพิกถอนการออกโฉนดที่ดินทั้งหมด และให้เปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ทั้งหมด ให้กลับไปเป็น ชื่อนางเนื่อมเจ้ามรดกตามเดิม
อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งแล้วก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ เพราะมีปัญหา ที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหาย ให้แก่ประชาชนผู้ซื้อบ้านจัดสรร ที่ดิน มรดกดังกล่าว ซึ่งเป็นเงิน จำนวนมากหลายหมื่นล้านบาท เพราะประชาชนผู้ซื้อดังกล่าวจะต้องได้รับความเสียหายจากการเชื่อถือกรมที่ดินที่รับจดทะเบียน ให้ตามกฎหมาย ได้มีการเตรียมตั้งงบประมาณแต่ก็ไม่ผ่าน เรื่องจึงคาราคาซังอยู่อย่างนั้น
จนกระทั่งนายยงยุทธ วิชัยดิษฐมาเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ก็มีการเสนอให้นำเรื่องนี้ขึ้นพิจารณา และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทยเห็นว่า กรณีที่ดินมรดกรายนี้ ต้องใช้กฎหมายคณะสงฆ์เป็นหลักเพราะเป็นกฎหมายพิเศษเฉพาะ และมีบทบัญญัติเฉพาะเกี่ยวกับการได้มาซึ่งที่ดินของวัด ว่าจะต้อง ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีก่อน ดังนั้นเมื่อรัฐมนตรีไม่อนุญาตที่ดินจึงไม่ตกเป็นของวัด จึงสามารถจำหน่ายจ่ายโอนได้โดยไม่ต้องออกเป็นพระราชบัญญัติ การที่มูลนิธิมหามกุฏ ทำการขายทอดตลาด และโอนที่ดินดังกล่าวจึงถูกต้องตามกฎหมายแล้ว และเห็นว่าคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจะเกิดความเสียหายจำนวนมากแก่ทางราชการจึงมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน จึงเป็นเหตุให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ถูก ป.ป.ช. ตรวจสอบไต่สวนและดำเนินคดีอาญา และฟ้องคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ร่วมกับนายเสนาะ เทียนทองและข้าราชการอื่นอีก 12 คน และถูกพิพากษาจำคุกในที่สุด แต่พิพากษายกฟ้องนายเสนาะ เทียนทอง
มาถึงวันนี้นายกอุ๊งอิ๊งก็กำลังถูกปลุกผียายเนื่อมเพื่อมาล้มเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกแล้ว
ในฐานะที่ผม ดูแลคดีเรื่องนี้ของนายเสนาะ เทียนทอง มาแต่ต้น จึงยืนยันได้ว่าที่ดินดังกล่าวไม่ใช่ที่ดินธรณีสงฆ์แล้ว การกระทำทั้งหลายเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ และนายกอุ๊งอิ๊ง ก็ไม่ได้ฮุบที่ธรณีสงฆ์แต่ประการใดเลย ขอท่านสาธุชนทั้งหลาย ได้พิจารณาใคร่ครวญกันเองเกิด
Cr. เฟซบุ๊ก “Paisal Puechmongkol” ภาพปกจาก เพจ Alpine Golf Club