การเมือง

ยุบโรงไฟฟ้า กำลังผลิตเหลือ 17% เอื้อกลุ่มทุนขายไฟฟ้าให้รัฐ “ส่อทุจริตหรือไม่”


21 กรกฎาคม 2024, 10:58 น.

 

“…วัชระ เผย ได้ส่งพยานหลักฐานการส่อทุจริตค่าไฟฟ้ามีราคาแพงสูงเกินจริงเพื่อประกอบการพิจารณาไต่สวนกับสำนักงาน ป.ป.ช. ขอให้ตั้งคณะไต่สวนกรณียุบโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติที่ จ.สุราษฎร์ธานี ส่อทุจริตและประพฤติมิชอบหรือไม่ แฉ มีพยานเอกสารของ สกฟ.มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ชี้แจงข้อเท็จจริงและคัดค้านการผลักภาระค่าไฟฟ้าให้แก่ประชาชน จำกัดการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.เปิดช่องทำสัญญาระยะยาวเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ผลิตไฟฟ้าขายให้ กฟผ. หาผลประโยชน์กับการสำรองไฟฟ้า…”

 

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2567 นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผย ว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้ยื่นหนังสือถึงนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องขอให้ตั้งคณะไต่สวนกรณียุบโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติที่ จ.สุราษฎร์ธานี ส่อทุจริตและประพฤติมิชอบหรือไม่ และกรณีทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ เหลือกำลังการผลิต 17% ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ม.56 ส่อทุจริตหรือประพฤติมิชอบหรือไม่ และค่ากระแสไฟฟ้ามีราคาสูงประชาชนเดือดร้อนทุกครัวเรือนทั้งประเทศเป็นการส่อทุจริตหรือประพฤติมิชอบหรือไม่

 

โดยตนได้ส่งพยานหลักฐานการส่อทุจริตค่าไฟฟ้ามีราคาแพงสูงเกินจริงเพื่อประกอบการพิจารณาไต่สวนกับสำนักงาน ป.ป.ช. ดังนี้

1. พยานเอกสารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง (สกฟ.) มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ชี้แจงข้อเท็จจริงและคัดค้านการผลักภาระค่าไฟฟ้าให้แก่ประชาชน โดยมีสาระสำคัญคือ ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามจำกัดการผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขณะเดียวกันกลับเปิดช่องทางเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนกลุ่มทุนใหญ่เข้ามาทำการผลิตกระแสไฟฟ้าขายให้กับ กฟผ. และปล่อยให้บริษัทเอกชนเหล่านี้เข้ามาหาผลประโยชน์จากนโยบายของรัฐ โดยการทำสัญญาระยะยาวผูกขาดการขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. หาผลประโยชน์กับการสำรองไฟฟ้า (Reserve Margin) มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากนโยบายของรัฐที่มีการสำรองไฟฟ้าสูงเกินความจำเป็นอยู่ที่ระดับ 35-50% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ

 

ในรอบสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลกลับพยายามจำกัดการผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขณะเดียวกันกลับเปิดช่องทางให้บริษัทเอกชนกลุ่มทุนใหญ่เข้ามาทำการผลิตกระแสไฟฟ้าขายให้กับ กฟผ. และปล่อยให้บริษัทเอกชนเหล่านี้เข้ามาหากินหาประโยชน์จากนโยบายของรัฐ โดยการทำสัญญาระยะยาวผูกขาดการขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. หากินกับการสำรองไฟฟ้า (Reserve Margin) แม้ กฟผ. ไม่ซื้อก็ต้องจ่าย (ต้นทุน) เท่ากับยินยอมให้บริษัทเอกชนหรือกลุ่มทุนใหญ่เข้ามาขูดเลือดขูดเนื้อประชาชน

 

สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากนโยบายของรัฐที่มีการสำรองไฟฟ้าสูงเกินความจำเป็นอยู่ที่ระดับ 35-50% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ ขณะที่อัตราการสำรองไฟฟ้าตามเกณฑ์เดิมอยู่ที่ 15% การสำรองไฟฟ้ายิ่งสูงมากจะกลายเป็นต้นทุนแฝงที่เป็นภาระของผู้ใช้ไฟฟ้าหรือประชาชน ดังนั้น การเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนใหญ่ จึงถือเป็นการทุจริตเชิงนโยบายที่ประชาชนทุกข์ทนกับภาระต้นทุนที่ต้องแบกรับสูงขึ้น ตลอดนับสิบปีที่ผ่านมาปรากฏ

 

ทั้งนี้ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) ได้นำเสนอแนวทางแก้ไขอุปสรรคที่ส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้ามีราคาแพงสูงเกินจริง เอกสารที่ตนส่ง จึงยืนยันว่ากระทรวงพลังงานมีการถอดแผนการสร้างโรงไฟฟ้า 1,400 เมกะวัตต์ออกจากแผน PDP 2018 จริง อันจะส่งผลให้โรงไฟฟ้าที่จะสร้าง 1,400 เมกะวัตต์ ที่สุราษฎร์ธานีหายไป ภาคใต้ขาดความมั่นคงทางไฟฟ้า และค่าไฟฟ้าจะแพงขึ้นเนื่องจากเอกชนจะได้ผลิตแทน กฟผ.

 

ตนจึงขอร้องทุกข์กล่าวโทษ นายประเสริฐ สินสุดประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงานกับพวกปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริตตามมาตรา 157 และหรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือไม่

 

2. พยานบุคคล 3 ปาก ได้แก่

2.1 นายธรรมยุทธ สุทธิวิชา อดีตประธานสหภาพแรงงาน กฟผ. (สร.กฟผ.)
2.2 ผู้ดำรงตำแหน่ง ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.)
2.3 ผู้ดำรงตำแหน่ง ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง (สภฟ.)

 

ดังนั้นจึงขอให้สำนักงาน ป.ป.ช. เร่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีค่าไฟฟ้าแพงในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้องหรือไม่…นายวัชระกล่าวทิ้งท้าย

ข่าวในหมวดเดียวกัน

เพิ่มเติม...

การเมือง

คอลัมนิสต์

คมในความ

มหาราษฎร์ Shorts

ภาพเก่าเล่าอดีต

ไฮไลท์

ข่าวประชาสัมพันธ์

ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล คุก

ท่องเที่ยว

ศาสนา

สุขภาพ

แวดวงนักรบ

สังคม

บทบาทบุคคล

< กลับหมวดการเมือง

เรื่องล่าสุด