ปี พ.ศ.2523 ผมมียศ ร.ต.ต. ตำแหน่ง รอง สวส.สน.ยานนาวา ผมเป็นพนักงานสอบสวนเบื้องต้น ในคดีฆ่าผู้อื่นฯ ผู้ต้องหาหลบหนี ออกหมายจับ
ผมย้ายจาก สน.ยานนาวา ไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 ไป สน.บางนา สน.ดุสิต สน.ดินแดง สน.พญาไท ไป ภ.3 หลายจังหวัด ไป ต.ม. หลายด่าน ไป บช.ศ. ไป ตชด. และไป บช.น. รวมย้าย 22 ครั้ง กว่าจะเกษียณอายุราชการ โดยไม่ได้ขอย้ายตนเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง สบายบ้าง ลำบากบ้าง แต่ไม่เคยท้อ และไม่เคยถอดใจ
ปี พ.ศ.2538 ขณะที่ผมเป็น รอง ผกก.ด่าน ต.ม.สะเดา จว.สงขลา มีหมายเรียกผมไปเป็นพยานช่วงบ่ายที่ศาลอาญา สนามหลวง กทม. ในคดีฆ่าผู้อื่น คดีตั้งแต่ผมยังเป็น ร.ต.ต. อยู่ที่ สน. ยานนาวา
ผมขับรถยนต์ส่วนตัว จาก ด่าน ต.ม.สะเดา ไปบ้านพักที่จว.นครราชสีมา
ตอนสาย ๆ วันต่อมาตามหมายเรียก ผมแต่งกายด้วยชุดซาฟารี ขับรถยนต์ส่วนตัวจากบ้านพัก ไปตามถนนมิตรภาพเพื่อไปเป็นพยานศาล
ผ่านทางโค้งตรงแถวลำตะคลอง พอเข้าทางตรงมีตำรวจทางหลวงยศ ด.ต. ยืนอยู่กลางถนนอย่างกล้าหาญ ไม่กล้วถูกรถชน ชี้มือมาที่รถผมแล้วชี้ไปที่ริมทางด้านซ้ายความหมายคือให้จอดรถ ผมจึงชลอรถแล้วจอดข้างหน้าผมก็มีรถจอดอยู่ 2-3 คัน
ด.ต.ทางหลวงเดินมาที่รถ ผมรีบพูดว่า <ดาบ มีอะไรหรือครับ ?>
ด.ต.ทางหลวงพูดห้วน ๆ <ขับรถเร็ว วิ่งเลนขวาขอใบขับขี่ด้วย>
ผมหยิบหมายเรียกพยานยื่นให้ ด.ต.ทางหลวง และพูดว่า <ดาบ ผมเป็น รอง ผกก.อยู่ด่าน ต.ม.สะเดา จว.สงขลา กำลังรีบจะไปเป็นพยานศาลอาญา ที่ กทม.ครับ>
ด.ต.ทางหลวงใช้สองมือจับหมายศาล เหยียดแขนจนสุดล้ามองดูหมายศาลหันมามองหน้าผมแล้วพูดดุ ๆ ว่า <รู้ว่าเป็นพยานศาลทำไมไม่รีบไปแต่เช้า ?>
ด.ต.ทางหลวงยื่นหมายศาลคืนผม แล้วเดินจากไป ผมรับเอกสารกลับคืนด้วยความรู้สึกบางอย่าง กับคำพูดของ ด.ต.ทางหลวง แต่ก็คิดได้ว่า <เป็น รอง ผกก. เมื่อทำผิดพลาดไปถูก ด.ต.ตำหนิก็สมควรอยู่หรอก จะได้ระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น>
ผมหัวเราะในลำคอเบา ๆ ขับรถออกจากข้างทางเดินทางต่อ
กทม. รถติดมากผมไปถึงห้องพิจารณคดีก่อนเวลานัดหมายเล็กน้อยเข้าไปนั่งตรงที่นั่งพยาน ข้างพนักงานอัยการ พนักงานอัยการถามว่า <จำเรื่องราวได้มั้ย สิบกว่าปีแล้ว>
ผมตอบว่า <พอจำได้ครับ>
ยังไม่ทันจะพูดคุยต่อเรื่องคดี ผู้พิพากษา ก็ออกมานั่งบัลลังก์พอดี
ผมถูกเบิกตัวเป็นพยานในฐานะพนักงานสอบสวนคนแรกที่ทำคดี เพราะผู้ต้องหาถูกจับกุมได้ภายหลังที่ผมย้ายไปตั้งหลายปี
สาบานตนเสร็จพนักงานอัยการซักถาม ทนายจำเลยความซักค้าน
ถึงตอนสำคัญ ทนายความของจำเลย ถามว่า <สภาพศพผู้ตายอยู่ในลักษณะไหน ? บาดแผลที่ได้รับมีกี่แห่ง ? ตรงไหนบ้าง ?>
ความคิดของผม คือ <จำไม่ได้> <ลืม>
ผมสูดลมหายใจลึก ๆ แรง ๆ ตาสองข้างเริ่มหรี่ปรือ ร่างเริ่มโงนเงนเล็กน้อย ผมพูดกับผู้พิพากษาบนบัลลังก์ว่า <ศาลครับ ผมจะเป็นลม>
หายใจลึก ๆ แรง ๆ อีกครั้งหนึ่ง พูดต่อ <ผมขับรถยนต์คนเดียวมาจาก อ.สะเดา จว.สงขลา ใช้เวลาสิบกว่าชั่วโมงถึงบ้านพักที่ นครราชสีมา พักได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ขับรถมาเป็นพยานศาลต่อผมเพลียมากครับ>
ผู้พิพากษาผู้มีเมตตา สั่งการทันที <พยานไปนั่งพักก่อน เจ้าหน้าที่ศาล เอายาดมยาหม่องมาให้พยานด้วย หยุดการพิจารณาสักครู่ให้พยานมีอาการดีขึ้นก่อน>
เจ้าหน้าที่ศาลผู้ชายเข้ามาประคองผมไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งพยาน ซึ่งพนักงานอัยการนั่งอยู่ สักครู่หนึ่งก็เอายาดม ยาหม่องมาให้ผม
ผมกล่าวขอบคุณ ยกมือไปที่จมูก ดมยาดม ป้องปากพูดกับพนักงานอัยการว่า <ผมลืม บอกผมหน่อยครับ>
พนักงานอัยการพูดเบา ๆ ถี่เร็ว แต่ผมจับใจความได้หมด สักครู่หนึ่ง ผมยกมือ ลุกขึ้นยืนพูดกับผู้พิพากษาว่า <ศาลครับ ผมดีขึ้นแล้วครับ ขอบพระคุณครับ>
มีการซักถาม ซักค้านผมจนจบสิ้นกระแสความ ทั้งพนักงานอัยการและทางฝั่งทนายความของจำเลย
เมื่อออกจากห้องสืบพยาน พนักงานอัยการ ได้พูดกับผมว่า <ผมยังไม่เคยเห็นไหวพริบปฏิภาณแบบนี้มาก่อนท่านเก่งจริง ๆ>
ผมหัวเราะ ยิ้มและพูดกับพนักงานอัยการว่า <ขอบคุณท่านด้วยเช่นกันที่กระตุ้นความทรงจำให้ผมลากลับนะครับ>
ผมไม่เคยแสดงละคร โขน หนัง เพียงแต่ทำไปตามบทบาทหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในการรักษารูปคดีเท่านั้นครับ
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท