นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า ทางมูลนิธิเมาไม่ขับได้ส่งหนังสือถึง ท่านประธานศาลฎีกา ท่านอัยการสูงสุด ท่านรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอพึ่งกระบวนการยุติธรรมเพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนในเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 ในฐานะที่ตนทำงานสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายเมาไม่ขับมากว่า 30 ปี เห็นความสูญเสียจากการเมาแล้วขับมามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเทศกาลที่มีคนเดินทางกันเป็นจำนวนมาก เช่นเทศกาลปีใหม่ เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งทั้งสองเทศกาลดังกล่าวควรเป็นเทศกาลแห่งความสุข แต่ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นเทศกาลแห่งการพลัดพรากเทศกาลแห่งความสูญเสียสาเหตุประการสำคัญเกิดจากพฤติกรรมเมาแล้วขับ แม้ว่าปัจจุบันกฎหมายจะมีการแก้ไขเพื่อให้ผู้ที่เมาแล้วขับเกิดความเกรงกลัว แต่ในความเป็นจริงผู้ที่มีพฤติกรรมเมาแล้วขับหาได้เกรงกลัวไม่ เนื่องจากเมื่อคดีขึ้นสู่ศาลศาลจะใช้หลักความเมตตาให้โอกาสจำเลยที่เมาแล้วขับด้วยบทลงโทษสถานเบา คือ โทษจำคุกให้รอลงอาญา สรุปคือคนเมาแล้วขับก็ไม่ติดคุก
นายแพทย์แท้จริง เปิดเผยต่อว่า ในเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 นี้ มูลนิธิเมาไม่ขับจะไม่ขอทนกับผู้ที่เมาแล้วขับอีกต่อไป ใครที่เมาแล้วขับและถูกศาลรอลงอาญาและยังฝ่าฝืนเมาแล้วขับซ้ำในเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ มูลนิธิเมาไม่ขับได้มีหนังสือถึงท่านประธานศาลฎีกา ขอให้ตัดสินคนกลุ่มนี้ด้วยบทลงโทษสูงสุด คือ จำคุกไม่รอลงอาญา นอกจากนั้นแล้วมูลนิธิเมาไม่ขับยังได้ทำหนังสือถึงท่านรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้สั่งการไปยังพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ ถ้าพบผู้ที่เมาแล้วขับซ้ำขอให้ทำสำนวนส่งอัยการเพื่อขอให้อัยการส่งฟ้องลงโทษผู้ที่เมาแล้วขับซ้ำด้วยบทลงโทษหนักสุด คือ จำคุกไม่รอลงอาญา
“ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องเอาจริงเอาจังกับคนที่เมาแล้วขับ ยิ่งคนที่เคยถูกดำเนินคดีฐานเมาแล้วขับและศาลให้โอกาสแล้วยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกระทำผิดซ้ำโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ซึ่งพฤติกรรมเมาแล้วขับซ้ำอาจไปก่อเหตุทำให้คนบริสุทธิ์บนท้องถนนต้องเสียชีวิต บาดเจ็บ พิการ จึงต้องใช้บทลงโทษสถานหนักเพื่อให้ผู้ที่คิดจะเมาแล้วขับเกิดความเกรงกลัว” นายแพทย์แท้จริง กล่าว