“ความรู้ท่วมหัว..เอาตัวไม่รอด”
ประโยคนี้ยังคงจริงแท้ แม้ยุคสมัยจะแปรเปลี่ยน
คุณเคยมีแนวคิดดีๆ.. แต่พอนำไปใช้จริงกลับไม่ได้ผลดังหวังไหมครับ ? ทำไมตอนคิดมันดูราบรื่น พอทำจริง แค่ขั้นแรกก็ติดปัญหาเสียแล้ว..
ครั้งหนึ่งในยุคสามก๊กตอนขงเบ้งกรีฑาทัพขึ้นเหนือบุกวุยก๊กครั้งแรก
สมรภูมิ “เกเต๋ง” คือจุดยุทธศาสตร์ที่จะเสียไปไม่ได้ “ม้าเจ๊ก” รับอาสาขอเป็นแม่ทัพบุกไปประชันหน้ากับสุมาอี้ กุนซือมากปัญญาแห่งวุยก๊กที่หวังจะเข้ายึดจุดยุทธศาสตร์แห่งนี้เช่นเดียวกัน
“ม้าเจ๊ก” ผู้นี้เข้าร่วมกับเล่าปี่ตั้งแต่สมัยเกงจิ๋ว เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถมักจะติดตามขงเบ้งไปทำศึกอยู่เสมอ ม้าเจ๊กมักมีแนวคิดดีๆ ในการแก้ไขปัญหาแต่ก็มักจะเป็นแค่แนวคิดแต่หาได้มีผลงานเป็นรูปธรรมอันใด
ก่อนเล่าปี่เสียชีวิตเคยเตือนขงเบ้งเอาไว้ เล่าปี่ประเมินว่าม้าเจ๊กเป็นนักวิชาการที่พูดเกินตน พูดดีกว่าทำ ไม่สามารถรับผิดชอบการใหญ่ได้ เข้าหลัก “นักวิชาเกิน”
ขงเบงแม้ชื่นชมม้าเจ๊กอยู่เสมอ แต่ในใจนั้นครุ่นคิด.. ว่าการปกป้องเกเต๋งซึ่งเป็นงานสำคัญอาจเกินความสามารถของม้าเจ๊ก
ม้าเจ๊กรู้ดีว่าขงเบ้งไม่ไว้วางใจ 100% จึงขอเอาชีวิตของตนและคนในครอบครัวเป็นประกันหากพลาดพลั้งไปยอมให้ประหารทั้งครอบครัว
ม้าเจ๊กต้องการสร้างผลงาน.. ม้าเจ๊กดื้อดึงจะไปให้ได้..เมื่อลูกน้องสุดที่รักขอมา..ขงเบ้งจึงลองให้โอกาส
ขงเบ้งจึงให้อองเป๋ง..แม่ทัพที่มีการศึกษาน้อยแต่มากด้วยประสบการณ์ ไปด้วยในฐานะรองแม่ทัพ ขงเบ้งหวังให้ “สายหน้างานจริง” อย่างอองเป๋งคอยเตือนสติ ม้าเจ๊ก “สายนักวิชาเกิน”
เมื่อม้าเจ๊กและอองเป๋งยกทัพมาถึงเกเต๋ง ม้าเจ๊กเดินเกมแรกด้วยการสั่งกองทัพให้ขึ้นไปตั้งค่ายบนเขาทันที!
คนประสบการณ์เยอะ แต่ความรู้น้อย อย่างอองเป๋ง..เมื่อฟังแนวคิดนักวิชาเกินผู้นี้ ก็ไม่เห็นด้วยทันทีเพราะการตั้งค่ายบนเขาเป็นพื้นที่อันตรายหากข้าศึกตัดทางลำเลียงน้ำกองทัพจะเกิดความปั่นป่วนเมื่อโดนล้อมทุกรอบด้านจากเชิงเขาจะทำได้เพียงรอวันตายเท่านั้น
นักวิชาเกินอย่างม้าเจ๊ก..ขุดทุกแหล่งอ้างอิง (reference) มากล่าวถึง อ้างตามตำราพิชัยสงคราม 100% ประสบการณ์.. 0
ว่าการตั้งทัพในที่สูง..สามารถบุกลงมาตีข้าศึกได้ดั่งห่าฝน หากแม้นจะโดนล้อมทุกด้านและทหารอยู่ในสถานการณ์เป็นตายถือว่ายิ่งเข้าทางตำราเพราะจะสู้ตายบุกลงมาตีข้าศึกจนได้ชัยชนะ
อองเป๋งได้ฟังดังนั้นก็อึ้งไปเสีย..และส่ายหัวกับนักวิชาเกินหนุ่มผู้นี้ จึงขอแบ่งกำลังห้าพันแยกออกไปตั้งค่ายที่เชิงเขาอยู่อีกที่เผื่อคับขันจะได้คอยช่วยเหลือกัน
งานนี้สายวิชาเกินแบบม้าเจ๊กก็ยิ้มหัวเราะแถมยังยกตนว่าขนาดตนเองขงเบ้งยังต้องขอความคิดเห็นอยู่บ่อยครั้งมีหรือที่งานนี้จะพลาดพลั้ง หากอองเป๋งไม่เชื่อตน และงานนี้สำเร็จอองเป๋งจะไม่ได้รับความดีความชอบแม้เพียงน้อยนิด
เมื่อสุมาอี้ยกทัพมาถึง ก็เป็นดังที่อองเป๋งคาดการณ์ สุมาอี้ให้ทหารรีบไปตัดทางลำเลียงน้ำของม้าเจ๊กสร้างความปั่นป่วนแก่กองทัพของม้าเจ๊กในขั้นแรก
จากนั้นสั่งเตียวคับยกไปสกัดไม่ให้อองเป๋งบุกเข้ามาช่วยแล้วให้กองทัพบุกล้อมม้าเจ๊กเอาไว้ทุกด้าน เมื่อถึงสถานการณ์จริง..ตำราของม้าเจ๊กกลายเป็นเพียงการรบในกระดาษหาใช่การรบบนสมรภูมิจริงไม่ไม่มีทหารผู้ใดกล้าจะบุกฝ่าลงมาตีดังที่ม้าเจ๊กว่า
งานนี้ม้าเจ๊กพ่ายแพ้ย่อยยับยังดีว่าขงเบ้งส่งแม่ทัพเข้าไปช่วยม้าเจ๊กออกมาได้อย่างหวุดหวิด..
จากความพ่ายแพ้ของสายทฤษฎีอย่างม้าเจ๊กทำให้การบุกวุยก๊ก ยกทัพขึ้นเหนือครั้งที่ 1 ของขงเบ้งมีอันต้องจบลงเพราะศิษย์รักของตนเองพร้อมทั้งสั่งประหารม้าเจ๊กด้วยน้ำตาและนึกเสียใจที่ไม่ฟังคำเตือนของเล่าปี่ก่อนสิ้นใจ
การทำศึกหรือปฎิบัติงานจริงในกระดาษนั้นไม่เหมือนการทำศึกหรือการทำงานบนหน้างานจริงทฤษฎีที่นำมาปรับใช้ไม่ได้ก็เหมือนแนวคิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงแม้แนวคิดดีแค่ไหน หากไม่คำนึงถึงความเป็นจริงแล้วก็เป็นเพียงแค่แนวคิดในอุดมคติ
ในการทำงานจริง เราจึงควรมองรอบด้านปรับแนวคิดให้เข้ากับบริบทและสถานการณ์จริงเพราะ “หน้างานจริง” มักมีสิ่งที่ “ตำราไม่ได้บอก” เกิดขึ้นอยู่เสมอ
อย่าให้ความรู้ท่วมหัว แต่สุดท้ายเอาตัวไม่รอด เพราะโลกแห่งความจริงนั้นมีตัวแปรอื่นๆ อยู่เสมอและแน่นอนว่า ไม่ได้อยู่ในตำรา
***********************
#สามก๊กตงง้วน
#SISTERLYJewelry
#SISTERLYChicago
#PositivePowerJewelry
#MadeinChanthaburi