ได้ดูคลิปสุภาพสตรีพูดคุยกันในรายการหนึ่ง ประมาณนี้ว่า
หญิงสาว <ที่ส่งสวัสดีวันจันทร์ วันอังคาร ทักทายไปนั้น….>
หญิงชรา <อย่าเพิ่งเบื่อ อย่ารำคาญ ส่งเพราะอยากให้รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ วันที่ไม่ได้ส่งคือ…>
ทำให้คิดถึงลูกน้องเก่าคนหนึ่งที่ส่งข้อความมาคล้าย ๆ กัน <นายครับ ผมจะไลน์หานายทุกวัน จนกว่า…..>
หลังจากข้อความนี้ อีกไม่กี่วัน…..
<จ.ส.ต.ดุสิต>
ผมเป็น ผกก.รร.ภ.9 จว.ยะลา ช่วงปี พ.ศ. 2544-2545 จ.ส.ต.หมู กับ จ.ส.ต.ดุสิต เป็นพลขับสลับกัน
วันหนึ่ง ผบช.ศ. จะไปตรวจราชการที่ รร.ภ.9 ผมสั่ง จ.ส.ต.หมู เตรียมรถตู้ให้พร้อม และสำทับว่า <หมู รับ ผบช.ศ.กับคณะขึ้นรถแล้วไม่ต้องขับเร็วนะ ผมจะอธิบายภูมิประเทศตามเส้นทางให้ท่านทราบตั้งแต่สนามบินหาดใหญ่ ถึงยะลา>
จ.ส.ต.หมู ตอบสั้น ๆ <ทราบครับ>
จ.ส.ต.ดุสิต ถืออาวุธปืน M.16 ขึ้นรถมาด้วย ผมถามว่า <ดุสิต วันนี้พักนี่แล้วเอาปืนมาทำไม ?>
จ.ส.ต.ดุสิต มองตาผม แล้วพูดว่า <ท่านครับ มีสถานการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว ผมขอไปด้วยครับและเอา M.16 ไป ก็อุ่นใจขึ้นครับ>
นับตั้งแต่นาทีนั้น ผมรู้สึกมีความประทับใจในน้ำใจของ จ.ส.ต.ดุสิต ที่เป็นห่วงเป็นใยผมรวมทั้งมีความรอบคอบในการต้องนำอาวุธไปด้วย
ระหว่างที่นั่งรถไปสนามบินนั้น ผมได้พูดคุยกับ จ.ส.ต.หมู และ จ.ส.ต.ดุสิต ไปตลอดเส้นทาง ผมฉุกคิดได้เรื่องหนึ่ง จึงพูดขึ้นว่า <เฮ้ย หมู ! ตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป ผมจะตั้งชื่อให้ใหม่ว่า Piggy พิคกี้นะ>
จ.ส.ต.หมู ถามสวนทันที <เพราะดี แต่ว่าทำไมต้องตั้งชื่อใหม่ล่ะครับ ?>
ผมหัวเราะสักครู่หนึ่ง จึงพูดว่า <เพราะ ท่าน ผบช.ศ. ชื่อเล่นว่า <หมู> เหมือนกัน ผมกลัวพลาดว่ะ !>
จ.ส.ต.ดุสิต พูดเสริมทันที <ผมเห็นด้วยครับท่าน ถ้าเกิดท่านเรียกจ่าหมู แต่ ผบช.ศ. ถามว่า มีอะไร ? มันจะยุ่งกันใหญ่>
จ.ส.ต.หมู ตกลงตามนั้น จากนั้น จ.ส.ต.หมู จึงมีชื่อเป็นฝรั่งคนแรกและคนเดียวของ รร.ภ.9
ผมย้ายจาก รร.ภ.9 เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2545 ในช่วงที่โลกโซเชียลมีเดียแพร่หลาย จ.ส.ต.ดุสิต ได้ส่งไลน์ทักทายกับผมทุกวัน ถึงแม้ผมจะเกษียณอายุราชการไปแล้วก็ตาม
อยู่มาวันหนึ่ง จ.ส.ต.ดุสิต ได้ไลน์ข้อความว่า <นายครับ ผมจะไลน์หานายทุกวันจนกว่าผมจะไม่มีแรงส่งไลน์ครับ>
ผมชักเอะใจ จึงไลน์ถามกลับไปว่า <เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า ?>
จ.ส.ต.ดุสิต ไลน์ตอบ <ผมเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายครับ>
ผมรีบไลน์ถาม <อยู่โรงพยาบาลไหน ?>
จ.ส.ต.ดุสิต ไลน์ตอบ <โรงพยาบาลยะลาครับ>
พร้อมกับส่งภาพนอนอยู่บนเตียงคนไข้มาให้ดู หัวโล้น น่าจะเพราะฤทธิ์สารเคมีจากการให้คีโม
ผมไลน์บอกไป <อดทนนะ สู้ ๆ นะ จะลงไปเยี่ยม>
ข้อความไลน์สุดท้ายของ จ.ส.ต.ดุสิต <ขอบคุณครับนาย>
วันรุ่งขึ้น ผมนั่งเครื่องบินจากดอนเมืองไปหาดใหญ่ <เซี้ยง> คนหาดใหญ่ น้องรักที่รู้จักกันขับรถพาไปที่โรงพยาบาลยะลา ผมได้พบกับ จ.ส.ต.ดุสิต ซึ่งนอนอยู่บนเตียงคนไข้ มีลูกเมียเฝ้าดูแลอยู่
ผมพูดคุยให้กำลังใจเอามือลูบหัวที่ไม่มีเส้นผม พูดเบา ๆ ว่า <สู้นะ อดทนนะ อย่าถอดใจนะ ต้องอยู่เพื่อลูกเพื่อเมียนะ และขอบใจที่ไม่ลืมกัน>
ผมได้มอบเงินสดจำนวนหนึ่งให้กับ จ.ส.ต.ดุสิต แล้วลากลับ จ.ส.ต.ดุสิต พยายามจะยกมือไหว้ น้ำตาไหลเป็นทาง
อีกประมาณสัปดาห์เศษ ลูก จ.ส.ต.ดุสิต โทรศัพท์ มา บอกผมว่า <พ่อผมตายแล้วครับ>
เมื่อวางสาย ผมอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วพูดพึมพำว่า <ไปสู่สุขคติ สัมปรายภพ นะ ดุสิต น้องรัก>
ผมจะมีภาพความทรงจำที่งดงาม และความรักที่ยั่งยืนกับคนที่ผมรัก คนที่รักผม คนที่ดี และคนที่มีบุญคุณกับผมเสมอ และตลอดไป
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท