<ทำบุญ>
ยายแฟง เป็นเจ้าของซ่องโสเภณี มีหญิงอยู่ในสังกัดหลายคน ยายแฟงมีรายได้จากเงินค่าตัวของหญิงโสเภณี เมื่อหักค่าตัวหญิงและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แต่ละวัน ยายแฟงมีเงินรายได้อักโข
ยายแฟงเป็นคนใจบุญจึงได้สร้างวัดขึ้น ชื่อว่า <วัดใหม่ยายแฟง> ต่อมาเปลี่ยนชื่อเรียกว่า <วัดคณิกาผล> ปัจจุบันตั้งอยู่ที่บริเวณถนนพลับพลาไชย แขวงและเขตป้อมปราบฯ กทม.
ยายแฟงอิ่มอกอิ่มใจและอิ่มบุญที่ได้สร้างวัดให้พระเณรได้จำวัดและปฏิบัติธรรม
วันหนึ่งยายแฟงมีโอกาสได้พบกับสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี จึงถามว่า <สมเด็จฯ เจ้าคะ อีฉันสร้างวัดใช้เงินไปตั้งมากมาย อีฉันจะได้บุญมากไหมเจ้าคะ ?>
ถามเสร็จ ยายแฟงนึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจและคิดว่า สมเด็จฯ โต คงจะพอใจและโมทนาบุญครั้งใหญ่
สมเด็จฯ โต ตอบยายแฟงไปว่า <ได้บุญนิดเดียว>
ยายแฟงตกใจ รีบถามว่า <อีฉันใช้เงินสร้างไปตั้งหลายร้อยชั่งทำไมได้บุญนิดเดียว>
สมเด็จฯ โต ตอบว่า <เงินที่เอามาสร้างวัดเป็นเงินไม่บริสุทธิ์จึงได้บุญน้อย>
เรื่องยายแฟงสร้างวัดนี้เป็นเรื่องจริง แต่ที่ได้พบได้พูดกับสมเด็จฯโต นั้น เป็นเรื่องที่เล่าขานกันสืบมา มีคนเอาไปเขียนสาธยายกันมากมายหลายแนวทาง
ผมก็จดจำเขา แล้วเอามาเขียนเหมือนกันเพราะเห็นว่า เรื่องราวเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันคือ <การทำบุญ>
อย่างไรก็ตาม ผมก็ขออนุโมทนาบุญกับยายแฟงที่ทำบุญด้วยกุศลจิต เพราะแม้แต่บุญอันน้อยนิดวัดก็ยังดำรงอยู่มาจนถึงกาลปัจจุบัน
จากเรื่องยายแฟง คงรู้แล้วว่า การทำบุญนั้น <เงินขาว> ได้บุญมาก <เงินดำ> ได้บุญน้อย
แต่ก็ขออนุโมทนาบุญกับคนที่ทำบุญทำทานทุกคน
<ขอเพียงมีจิตที่ดี มีจิตที่เป็นกุศล แม้บางครั้งจะได้บุญน้อยแต่อานุภาพของบุญนั้นยิ่งใหญ่มหาศาลจะช่วยบรรเทาทุกข์ให้ได้ในยามเดือดเนื้อร้อนใจ>
ดังเช่นนิทานเรื่อง <สามเณรน้อยชะตาขาด> ที่พระอาจารย์บอกว่าจะต้องตายภายใน 7 วัน
สามเณรจึงลาพระอาจารย์เพื่อกลับไปปรนนิบัติบิดามารดาเอาบุญก่อนตาย
ระหว่างทางมีฝนตกเกิดร่องน้ำเล็ก ๆ ไหลไปตามพื้น มดฝูงหนึ่งกำลังเดินทางได้ถูกร่องน้ำตัดฝูงขาด
สามเณรมองเห็นฝูงมดทั้งสองฝั่งร่องน้ำ จึงเกิดจิตเมตตาได้เอากิ่งไม้เล็ก ๆ วางข้ามร่องน้ำไหลเพื่อให้ฝูงมดไต่ข้ามผ่านไปอีกฝั่งหนึ่งได้โดยไม่จมน้ำตาย
เมื่อสามเณรไปถึงบ้าน ก็ได้ปรนนิบัติดูแลบิดามารดาอย่างดีจนครบ 7 วัน แต่สามเณรก็ยังไม่ตาย
วันต่อมา สามเณรจึงได้ลาบิดามารดากลับไปหาพระอาจารย์ สอบถามพระอาจารย์ว่า <ครบ 7 วันแล้ว ทำไมถึงไม่ตาย>
พระอาจารย์ตอบสามเณรด้วยความเมตตาว่า <สามเณรได้สร้างบุญด้วยการช่วยชีวิตฝูงมด เมื่อถึงวันที่ชะตาขาดบุญจึงช่วยให้สามเณรไม่ตาย>
บุญนั้น มีอานุภาพสุดเปรียบประมาณจริง ๆ
ดังนั้น <ผู้ใหญ่> จึงควรส่งเสริมสนับสนุน <ผู้น้อย> ให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ให้มีความเจริญก้าวหน้าทุกอย่าง เป็นบุญเป็นกุศลทั้งนั้น และบุญกุศลนี้ ก็เป็นของผู้ใหญ่นั่นเอง
<การทำที่เกิดจากศรัทธาย่อมได้รับศรัทธากลับมา>
ลองอ่านนิทานหรือเรื่องเล่าของจีนเรื่องนี้ดู
<พระทองคำกับพระไม้>
เศรษฐีคนหนึ่ง ได้ว่าจ้างช่างทองให้หล่อพระพุทธรูปทองคำขึ้นมา ขนาดเท่าคนจริง เจตนาก็เพื่อ แสดงความร่ำรวยแบบที่เรียกว่า อวดร่ำอวดรวย
ช่างทองเป็นคนมีฝีมือหล่อพระพุทธรูปองค์นี้ได้สวยงามมาก
เศรษฐีจัดงานเฉลิมฉลอง 7 วัน 7 คืน เชิญเจ้าเมือง กรมการอำเภอ ขุนทหาร ขุนนาง ใหญ่น้อย รวมทั้งชาวเมืองให้มาชมความงามของพระพุทธรูปแล้วดื่มกินฉลองกันอย่างมีความสุขสนุกสนาน
ใครเห็นพระพุทธรูป ต่างก็พากันชื่นชมว่า <สวยงามมาก>, <ทองขนาดเท่าคนจริง คงแพงมากนะ>, <ท่านเศรษฐีมีบุญวาสนาดีเหลือเกิน จึงมีพระสวยงามและล้ำค่า>
เศรษฐีได้ฟัง ก็มีแต่ความปลาบปลื้มเอาพระไว้ในบ้าน ทำตู้เก็บ ล็อคกุญแจอย่างดี
อีกมุมหนึ่งของเมือง ชายวัยกลางคน อาชีพตัดฟืนขายพอมีรายได้มาประทังชีพ
เขาเป็นคนมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าไม่ละเมิดศีล ไม่ละเมิดธรรม
แต่ด้วยความยากจน จะไปหาพระพุทธรูปที่ไหนมากราบไหว้บูชาเพื่อให้เป็นที่พึ่งทางใจได้
เขาจึงใช้ขวานถากท่อนไม้ตั้งใจให้เป็นพระพุทธรูปขนาดเท่าตัวคน
แต่พระพุทธรูปไม้ที่เขาใช้ขวานถากถางแกะเกานั้น มีลักษณะที่ไม่สมส่วน ไม่สวยงามเอาเสียเลย
เขาเอาพระพุทธรูปไม้ที่แกะขึ้นจากหัวใจศรัทธา วางไว้บนตั่งหน้าบ้านแล้วกราบไหว้บูชาด้วยดอกไม้ที่เก็บมาจากป่าทุกวัน
พวกเพื่อนบ้านที่เดินผ่านไปมา พอเห็นพระพุทธรูปไม้เข้าก็พากันหัวเราะขบขัน และพูดเย้ยหยันว่า <เจ้าเอาอะไรมาบูชา จะเป็นพระก็ไม่ใช่ จะเป็นคนก็ไม่เชิง พระแท้ ๆ สวยงาม อยู่ที่บ้านของท่านเศรษฐีโน่น>
ชายคนตัดไม้ ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้น เพราะธรรมะ จึงทำให้เขามีสติและปล่อยวาง
ต่อมาวันหนึ่ง มีพายุฝนตกกระหน่ำอย่างรุนแรง ฝนตกต่อเนื่องติดต่อกันหลายวันหลายคืนจนน้ำในแม่น้ำเอ่อล้นออกมาท่วมบ้านเมือง กระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดพาและทำลายสิ่งที่กีดขวางทางน้ำอย่างยับเยิน
เศรษฐีเห็นจวนตัว รีบไปไขกุญแจตู้พระพุทธรูปทองคำ สองมือโอบกอดพระพุทธรูปแน่นปากก็พร่ำพูดว่า <หลวงพ่อช่วยด้วย ๆ>
ฝ่ายช่างไม้ ก็รีบวิ่งไปกราบและกอดพระพุทธรูปไม้ อธิษฐานขอความช่วยเหลือเช่นกัน
กระแสน้ำที่กราดเกรี้ยวได้กลืนกินพระพุทธรูปทองคำและร่างของเศรษฐีไปกับสายน้ำ
ส่วนช่างไม้ที่กอดพระพุทธรูปท่อนไม้กลับล่องลอยตุ๊บป่อง ๆ ไปตามแรงส่งของน้ำ ไม่ได้จมน้ำตายแต่อย่างใด
พระพุทธรูปไม้ที่ไร้ค่าในสายตาของคนอื่นแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธาของช่างไม้ช่วยชีวิตเขาไว้แท้ ๆ
<บุญอันเกิดจากศรัทธาและการปฏิบัติย่อมเป็นมหากุศล>
พระพุทธเจ้า ทรงสอนไว้ ไม่ประมาท
คนฉลาด ปฏิบัติธรรม ตามวิถี
สติหนอ ปัญญาหนอ มาพอดี
แม้ภัยมี จักมลาย หายเพราะบุญ
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท