<กินที่บ้าน มันบ่แซ่บ>
ตำรวจกินเหล้าคนที่สอง ส.ต.อ.รุ่ง ทำหน้าที่เป็นยามของ สภ. ส.ต.อ.รุ่ง มีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว อายุยังไม่มากแต่ก็ติดเหล้างอมแงม
ครั้งหนึ่ง ผมเห็น ส.ต.อ.รุ่ง มาปฏิบัติหน้าที่แต่มีอาการเมาสุรา หน้าแดง มีกลิ่นเหล้าระเหยออกมาเวลาหายใจและพูด ผมจะลงโทษตามระเบียบ ส.ต.อ.รุ่ง ได้ยกมือไหว้ผมยอมรับผิดและสัญญาว่าจะไม่ทำเช่นนี้อีก
ขณะนั้น ใกล้วันเข้าพรรษา ผมจึงบอกกับ ส.ต.อ.รุ่ง ว่า <เอางี้นะ ถ้าอดเหล้าได้ตลอดทั้งพรรษา 3 เดือน ผมจะไม่ลงโทษเพื่อเป็นของขวัญที่มีจิตใจเข้มแข็งเอามั้ย ?>
ส.ต.อ.รุ่ง ตอบทันที <เอาครับ>
ผมพูดต่ออีกว่า <แต่ถ้าผิดเงื่อนไข คือดื่มเหล้าในช่วงเข้าพรรษา ไม่ว่าจะดื่มที่ไหน แอบดื่มหรือดื่มโดยวิธีใด เช่นผสมเครื่องดื่ม ผมแป๊กขั้นเลยนะ>
ส.ต.อ.รุ่ง กลัวแป๊กขั้น จึงรับปากหนักแน่น <เข้าพรรษาผมจะไม่ดื่มเหล้าครับ>
ผมพูดจริงจัง <ตกลงตามนี้นะและต้องรักษาสัจจะ วันไหนเข้ายามแล้วผมอยู่ที่โรงพักให้มาพบทุกครั้งนะ>
ส.ต.อ.รุ่ง ยิ้มตอบอย่างมั่นใจ <ครับ>
เข้าพรรษาผ่านไปสองเดือนเศษ ส.ต.อ.รุ่ง ไม่ดื่มเหล้าตามสัญญา คนที่ผมวางเป็นสายไว้ก็ยืนยันว่าไม่ดื่ม ผมรู้สึกยินดีที่จะไม่แป๊กขั้นและให้ขั้นปกติเป็นรางวัลเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เลิกดื่มเหล้าหรือดื่มน้อยลงก็ยังดี
อีกไม่กี่วัน จะออกพรรษาแล้ว มีพรายมากระซิบว่า ส.ต.อ.รุ่ง ไปร่วมงานงานหนึ่งมีดื่มสังสรรค์กันทุกคนในวงเหล้า ต่างพากันคะยั้นคะยอให้ ส.ต.อ.รุ่ง ดื่มเหล้าสักแก้ว ผมคิดว่า ส.ต.อ.รุ่ง คงต่อสู้กับความรู้สึกของตนเอง <อีกไม่กี่วันก็ออกพรรษา ไม่โดนแป๊กขั้น แต่เหล้าตรงหน้า มันตำตาตำใจเหลือเกินอดมานานแล้วชักเปรี้ยวปากจะเอายังไงดี ?>
ส.ต.อ.รุ่ง ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด <ลองคาดเดานะครับ ส.ต.อ.รุ่ง ดื่ม หรือไม่ดื่ม>
……..
วันต่อมาผมเรียก ส.ต.อ.รุ่ง มาพบที่ห้องทำงานและสอบถามเหตุการณ์ในงานนั้น ส.ต.อ.รุ่ง มองหน้าผม แล้วก้มหน้าไม่สบตา พูดแบบแมน ๆ ว่า <ผมดื่มไป 2-3 แก้วครับ>
ผมฟังแล้ว ก็พูดแบบแมน ๆ กลับไป <แป๊กขั้น ตามสัญญานะ>
ส.ต.อ.รุ่ง เดินคอตกออกจากห้องทำงานผม มีคนได้ยินเสียงบ่นว่า <อีกไม่กี่วัน ก็รอดแล้ว ไม่น่าเลยกู>
……..
ในตอนสาย ๆ วันหนึ่ง ภรรยาของ ส.ต.อ.รุ่ง ได้มาขอพบผมที่ห้องทำงานบอกว่า <ท่านผู้กำกับช่วยบอกรุ่ง ด้วยค่ะ จะกินเหล้า ก็ไม่ว่าหรอกแต่อยากให้กินที่บ้าน กินนอกบ้านมันเปลืองแล้วกลัวว่าจะมีเรื่อง>
ผมรับปากว่าจะพูดให้
เมื่อ ส.ต.อ.รุ่ง มาเข้ายามที่ สภ. ในวันหนึ่ง ผมเรียกให้ไปพบที่ห้องทำงานและพูดคุยเรื่องสุขภาพ เรื่องอื่น ๆ นำร่องแล้ววกกลับมาเรื่องที่ภรรยา ส.ต.อ.รุ่ง ฝากไว้ ผมพูดว่า <เมียของรุ่ง มาหาผม ให้บอกรุ่ง ว่า อยากกินเหล้าก็กินไปเขาไม่ห้ามแต่ขอให้กินที่บ้าน จะได้ไม่สิ้นเปลือง ไม่มีเรื่องกระทบกระทั่งกับใครด้วย เมียรุ่ง เขาหวังดีนะ>
ส.ต.อ.รุ่ง มองหน้าผม แบบสบตา แล้วพูดว่า <ท่านผู้กำกับกินเหล้าไหมครับ ?> ผมชักฉุน พูดเสียงดังไปว่า <ถามทำไม ?> ส.ต.อ.รุ่ง ยังคงมองตาผมอยู่ พูดยิ้ม ๆ ว่า <ถ้าท่านกินเหล้าท่านก็จะรู้ว่ากินที่บ้าน มันบ่แซ่บครับ>
จากอาการเริ่มฉุนเปลี่ยนเป็นชักสีหน้าไม่ถูก ผมรู้สึกเข้าใจและเห็นใจ ส.ต.อ.รุ่ง ได้แต่พูดเตือนไปว่า <รักษาสุขภาพหน่อยนะ>
ส.ต.อ.รุ่ง พูดขอบคุณและทำความเคารพผม ออกจากห้องไป
คำพูดที่ว่า <กินที่บ้าน มันบ่แซ่บ> มันแม่นบ่ สหายสุรา ?
ป.ล.
ส.ต.อ.รุ่ง ขณะนี้ยังไม่เกษียณอายุราชการ ได้ข่าวว่า เดี๋ยวนี้ก็ยังดื่ม ขอฝากทุกคนที่พบเจอ ส.ต.อ.รุ่ง บอก ส.ต.อ.รุ่ง ด้วยว่า <ผกก.ไอยศูรย์ เป็นห่วงนะ>
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท