<บัวสี่เหล่า> <กับ> <โครงการตำรวจเข้าวัด> <ปฏิบัติธรรม>

โครงการตำรวจเข้าวัดปฏิบัติธรรม ระดับ หน.สภ. ของ ตำรวจภูธรภาค สองภาครวมกัน ท่านคาดเดาไม่ถูกหรอกครับว่า ภาคไหนบ้างถ้ายังอ่านไม่จบ

พล.ต.ท.อุดม เจริญ ผบช.ศ. พร้อมคณะ เดินทางไปทำการปฐมนิเทศน์ด้วยตนเอง มีเสียงบ่น เสียงพึมพำ เสียงไม่พอใจ หลายอย่าง พล.ต.ท.อุดม จึงให้ หน.สภ. ผู้เข้าร่วมโครงการเขียนข้อความในใจ ลงบนแผ่นกระดาษที่แจกให้ว่ารู้สึกอย่างไร ? กับโครงการตำรวจเข้าวัดปฏิบัติธรรม

มี หน.สภ.สิบกว่านาย เขียนความในใจลงไปด้วยข้อความ และความรู้สึก คล้าย ๆ กันว่า <เสียเวลาทำงาน> <ไม่มีเวลาที่จะมาปฏิบัติ> <งานตำรวจเยอะมากอยู่แล้ว จะมาปฏิบัติทำไม ?> ข้อความประมาณนั้น

พล.ต.ท.อุดม อ่านกระดาษข้อความในใจของ หน.สภ. ทีละแผ่น ให้ทุกคนได้ยินด้วยกิริยาอาการอันสงบไม่ได้แสดงความรู้สึกผิดหวัง น้อยใจ หรือโกรธเคือง แต่อย่างใด

แต่กระดาษข้อความในใจแผ่นสุดท้าย พล.ต.ท.อุดม อ่านช้า ๆ ว่า <พระพุทธเจ้า ได้เปรียบมนุษย์เหมือนกับบัวสี่เหล่า บัวเหล่าที่สี่ จมอยู่ใต้น้ำ รังแต่จะเป็นอาหารของเต่า กุ้ง หอย ปู ปลา ไม่อาจโผล่พ้นผิวน้ำ เพื่อเห็นเดือนเห็นตะวัน>

ข้อความสั้น ๆ แต่สร้างความฮือฮาขึ้นในที่ปฐมนิเทศน์ ทันที มีเสียงพูดสอดแทรกขึ้นมาหลายเสียง ว่า <ใครเขียนวะ ?> <ใครด่าพวกเราวะ ?>

พล.ต.ท.อุดม ได้พูดต่อไปอีกว่า <กระดาษทุกแผ่น ไม่ได้ลงชื่อผู้เขียน กระดาษแผ่นสุดท้ายที่เขียนมาไม่ใช่หน้าม้าของผมนะ ผมไม่รู้จักใครในที่นี้ เขียนมาอย่างไรผมก็อ่านไปอย่างนั้น>

และได้พูดสรุปท้ายว่า <ธรรมะ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นได้เฉพาะตน เฉพาะผู้ปฏิบัติเท่านั้น>

เรื่องนี้ นายตำรวจระดับ หน.สภ. ผู้เข้าร่วมปฏิบัติตามโครงการตำรวจเข้าวัดของตำรวจภูธรสองภาคได้เล่าให้ผมฟัง เพราะท่านได้ติดตามอ่านเรื่องราวที่ผมเขียนจนถึงเรื่องโครงการตำรวจเข้าวัดปฏิบัติธรรมจึงฝากข้อเท็จจริงมา

หน.สภ. ท่านนี้ รับราชการจนเกษียณอายุราชการ ยศ พล.ต.ต. อย่าคาดเดาเลยนะครับว่าตำรวจภูธรภาคไหนเพราะ พล.ต.ท.อุดม ได้ไปปฐมนิเทศน์ แทบทุกภาค แทบทุกแห่งของโครงการนี้

คนที่รู้ว่าเป็นตำรวจภูธรภาคไหน ก็คือผู้เข้าร่วมโครงการนั้นเป็นปัจจัตตังครับ

ด้วยอานิสงส์แห่งโครงการตำรวจเข้าวัดปฏิบัติธรรม และอานิสงส์แห่งความดีของท่าน พล.ต.ท.อุดม จึงส่งผลให้ท่าน ได้รับการพิจารณาจากรัฐบาลแต่งตั้งข้ามหน่วยเป็น <ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ> เป็นคนแรก เมื่อครบวาระ ท่านไม่มีมลทินเรื่องเงิน ๆ ทอน ๆ เหมือนผู้ดำรงตำแหน่งคนอื่น ๆ แต่อย่างใด

ผมเป็นตำรวจ ได้รู้ ได้ฟัง ได้เห็น รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจที่ตำรวจได้รับการยอมรับได้รับการยกย่อง และส่งเสริม

ก่อนครบวาระ พล.ต.ท.อุดม ได้โทรศัพท์ พูดกับผมว่า <สำนักพระพุทธศาสนาฯ ต้องเอาคนอย่างคุณมาดูแล บริหาร เพราะทันเกม ทันคน แก้ปัญหาได้ดีและมีพื้นฐานอยู่บ้าง>

ผมขอบพระคุณท่านที่ท่านเมตตา

ประวัติตาม ก.พ.7 ของผม รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลงานสำนักพระพุทธศาสนาฯ เห็นแล้ว คงตกใจ !

ถูกตั้งกรรมการฯ <รอด> ถูกฟ้องคดีอาญาฯ <รอด> ถูกถอนขั้นคืน <ไม่รอด> ผมไม่ผ่านครับ

พล.ต.ต.ศิริพงษ์ สรรพตานนท์ อดีต ผบ.คด. ผมเคยทำงานกับท่านตอนอยู่ สภ.เมือง และ สภ.ห้วยราช จว.บุรีรัมย์ได้มองหน้าผมและทำนายดวงว่า <คนอย่างคุณเป็นลูกน้องใครไม่ได้ เพราะ…..คุณต้องเป็นหัวหน้าคน โชคดี ที่คุณมาเป็นตำรวจ ถ้าไม่ยังงั้นคุณต้องเป็น…..>

ผมก็เป็นคนอย่างที่ พี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ เห็นนี่แหละ เพียงแต่ กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ <คิดให้ทะลุกรอบ ทำให้ทะลุกฎ แต่ยังอิงกฎและอิงกรอบ เพราะกฎและกรอบ คือเกราะป้องกันตัวเรา>

ถ้าเป็นบัวสี่เหล่า ผมจะถูดจัดอยู่เหล่าไหน ? ก็แล้วแต่มุมมองครับ

พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท