อ่านแล้ว จะได้ใจเย็น ๆ มีสติ มีธรรมะ ไม่ต้องมาวิวาทะกัน
<โครงการตำรวจเข้าวัด><ปฏิบัติธรรม>
เดือนพฤศจิกายน 2539 ผมย้ายมาเป็น รอง ผกก.รร.น. พล.ต.ท.อุดม เจริญ เป็น ผบช.ศ. ในปี พ.ศ.2540 ท่านมีโครงการตำรวจเข้าวัดปฏิบัติธรรมฯ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ตำรวจเพิ่มพูนคุณธรรม จริยธรรม ตามหลักศาสนา
เริ่มแรก ๆ เป็นตำรวจชั้นประทวน โดย รร.น. รับผิดชอบ บช.น. รร.ภ.1-9 รับผิดชอบ ภ.1-9 มีหน้าที่นำตำรวจที่ บช.น. และ ภ.1-9 ส่งมาไปเข้าวัดปฏิบัติธรรม เป็นเวลา 4 คืน 5 วัน กิน นอน อยู่ในวัด
ผมนำตำรวจ บช.น. เข้าปฏิบัติที่วัดสวนแก้ว ของพระอาจารย์พยอม กัลยาโณ พระนักเทศน์ นักพัฒนาชื่อดัง ตอนแรกพระอาจารย์ พยอม ปฏิเสธ ไม่อยากรับตำรวจเพราะ<กลัววัดแตก> พระอาจารย์รู้ว่าส่วนมาก<ขี้เมา>ทั้งนั้น
ผมกราบเรียนท่าน ขอโอกาสท่านเพราะเชื่อมั่นว่าหลักธรรมคำสอนและแนวทางปฏิบัติของพระพุทธศาสนาจะช่วยขัดเกลากิเลสตัณหาที่เกาะกุมอยู่ในจิตใจ ให้หลุดล่วงได้ โดยผมยืนยันว่าผมจะเป็นผู้ดูแลทั้งความประพฤติและความเป็นระเบียบด้วยตัวผมเอง
พระอาจารย์พยอม ตัดสินใจ รับไว้ทดลองสักรุ่น
สิ่งที่ตำรวจได้เรียนรู้จากการปฏิบัติธรรมครั้งนี้ คือ <ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ>
มีการอบรม<ธรรมะ>โดยพระอาจารย์พยอม และพระวิทยากร ผู้มีความชำนาญ มีประสบการณ์ ในการสอน การอบรม เรียนรู้<หลักการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ>โดยผู้ทรงคุณวุฒิ
มีการนั่งสมาธิ เดินจงกลม การฝึกรักษาสติ การสวดมนต์ ไหว้พระ สงบกาย สงบวาจา สงบใจ ฯลฯ
เมื่อวันสุดท้ายของการอยู่วัดปฏิบัติธรรมมาถึง มีการเปิดใจของตำรวจที่ได้เห็นธรรม<บ้าง>ตามสภาวะของแต่ละนาย เป็นที่น่าอัศจรรย์ ทั้งตำรวจ บช.น. ตำรวจภ.1-9 หลายนายประกาศ <เลิกดื่มเหล้า> <เลิกสูบบุหรี่> <เลิกเล่นการพนัน> <เลิกอาฆาตมาดร้ายต่อผู้บังคับบัญชา> <บางนายจะกลับไปกราบเท้าพ่อแม่> <บางรายจะซื้ออาหาร ของหวาน ที่พ่อแม่ชอบไปให้> ฯลฯ
เสียง สาธุ สาธุ สาธุ ดังลั่นไปทั้งศาลาวัด ดังเข้าไปในหัวใจอันระอุอุ่นของทุกคน ตำรวจผู้ปฏิบัติธรรมหลายนายปิติจนน้ำตาไหลพรากไม่รู้ตัว
พระอาจารย์พยอม กัลยาโณ และคณะวิทยากร อนุโมทนากับโครงการนี้เป็นอย่างมาก มีการนำข้าราชการตำรวจชั้นประทวน
เพื่อเข้าวัดปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง ผลที่ออกมาเป็นที่น่ายินดีและมีความอัศจรรย์ให้ได้พบเห็นในลักษณะต่าง ๆ
ตำรวจที่ผ่านโครงการนี้ไป ถ้ามีการสานต่อการปฏิบัติตามแนวทางที่พระอาจารย์และคณะวิทยากร แนะนำสั่งสอนให้ย่อมจะบังเกิดผลดีต่อตัวตำรวจเอง อย่างมิต้องสงสัย
สื่อมวลชนต่าง ๆ พากันประโคมโหมข่าว โครงการตำรวจเข้าวัดปฏิบัติธรรมอย่างเกรียวกราวเพราะเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
มีการเผยแพร่ข่าวว่า <ตำรวจที่เข้าไปปฏิบัติธรรมต่างก็ได้รับผลดีต่อตนเองอย่างไร ? และผลดีเหล่านั้นจะทำให้เพิ่มประสิทธิภาพของตำรวจในการให้บริการประชาชนอย่างไร ?>
รายการสนทนาของพิธีกรชื่อดังสองคนทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยช่วงหลังเคารพธงชาติ เวลา 08.00 น. ได้เชิญ พล.ต.ท.อุดม ไปบอกเล่าโครงการตำรวจเข้าวัดปฏิบัติธรรมฯ ให้ประชาชนทั่วไปและผู้ฟังรายการรับทราบ
คุณสุภาพ คลี่ขจาย และคุณอัญชลีพร กุสุมภ์ สองพิธีกรใหญ่ รายการโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียง ITV เชิญ พล.ต.ท.อุดม ไปสัมภาษณ์สดถึงโครงการตำรวจเข้าวัดปฏิบัติธรรมฯ และผลลัพธ์ของโครงการ
สำนักข่าว BBC รายการวิทยุภาคภาษาไทยซึ่งกระจายเสียงไปทั่วโลกสนทนาทางโทรศัพท์สายตรงกับ พล.ต.ท.อุดม เพื่อให้คนทั้งโลกได้รับรู้ถึงโครงการดี ๆ เช่นนี้ ฯลฯ
ต่อมา โครงการตำรวจเข้าวัดปฏิบัติธรรมฯ ได้เข้าไปสู่หลักสูตรการอบรมนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรทุกหลักสูตร เช่นหลักสูตรสารวัตร
หลักสูตรผู้กำกับการและหลักสูตรบริหารงานตำรวจชั้นสูง (บตส.) ฯลฯ
ถึงแม้ไม่เข้มข้น เหมือนตำรวจชั้นประทวนแต่ก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจแบบใครทำ ใครได้
ขออนุโมทนาบุญกับผู้นำผู้มีวิสัยทัศน์ธรรม พล.ต.ท.อุดม เจริญ ผบช.ศ. ผู้คิดโครงการตำรวจเข้าวัดปฏิบัติธรรมฯ ขึ้นมา
ขออนุโมทนาบุญกับ พี่ น้อง เพื่อน ข้าราชการตำรวจ ผู้ได้เข้าโครงการตำรวจเข้าวัดปฏิบัติธรรมฯ
โครงการดี ๆ เช่นนี้ ควรมีต่อไป อย่าได้หยุดยั้งหรือยกเลิก เพื่อให้ตำรวจได้มีโอกาส เข้าโครงการปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นผลดีที่ประเสริฐแก่ตำรวจอย่างมากมาย
ตำรวจที่เป็นใหญ่เป็นโตใน ตร. ทุกวันนี้ ถ้าได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมตามโครงการฯ เชื่อมั่นเหลือเกินว่า เหตุการณ์วุ่นวายใน ตร. ไม่น่าจะเกิดขึ้นเพราะเอา<สติ>มาจับ เอา<ธรรมะ>มาชโลมจิตใจ
การบวชโชว์ บวชแก้บน บวชสร้างภาพ ไม่ใช่แนวทางของการแก้ไขปัญหา การเรียนรู้ธรรม การปฏิบัติธรรม ตามหลักธรรมคำสั่งสอน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่เป็นการแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท