บ้านเมืองทุกวันนี้
ปั่นป่วนวุ่นวาย
เพราะคนไร้สัจจะ
มีการใส่ร้ายป้ายผิด
คิดแต่จะเอาชนะ
ธรรมะอยู่ที่ไหน ?
พี่คนหนึ่ง บอกผมว่า อยากอ่าน 3 เรื่อง 3 ประเทศ ที่เคยนำเสนอแล้ว เพราะมันเป็นรากเหง้าของคนบางประเภทที่มีมาจนถึงปัจจุบัน การเมือง การทหาร การทูต การใส่ร้าย และการบ้านการเมืองแบบสังคมไทย ๆ ยินดีจัดให้ครับ
เรื่องที่ 1 <<ซูฉิน>>
ในประวัติศาสตร์จีนโบร่ำโบราณ นับพันปี ได้กล่าวถึงการศึกสงคราม ระหว่างแคว้นฉินกับแคว้นเยี่ยน ไว้ว่า
แคว้นฉินมีความเก่งกล้าสามารถมาก จึงยึดเมืองของแคว้นเยี่ยน ไว้ได้ถึงสิบเมือง อ๋องแคว้นเยี่ยนเสียใจมาก แต่ก็ฉุกคิดได้ว่า แคว้นเยี่ยน มีนักการทูตอยู่คนหนึ่ง ชื่อ<ซูฉิน> จึงเรียก<ซูฉิน>มาพบ และสั่งให้ไปเจรจาความเมืองกับอ๋องแคว้นฉิน จุดมุ่งหมายคือ ต้องการได้เมืองทั้งสิบเมืองที่ถูกยึดไป กลับคืนมา
<ซูฉิน>ได้ไปเจรจาความเมืองกับอ๋องแคว้นฉิน ด้วยความนอบน้อมถ่อมตนและชื่นชมในความปรีชาสามารถของอ๋องแคว้นฉิน ผลการเจรจาความเมือง ปรากฏว่า<ซูฉิน>สามารถใชัการเจรจาได้เมืองกลับมาคืนครบทั้งสิบเมือง
อ๋องแคว้นเยี่ยนปราบปลื้มใจยิ่งนัก ชมเชย<ซูฉิน> พร้อมทั้งอวยยศอวยตำแหน่ง ให้ทรัพย์สินเงินทอง กับบริวารเป็นอันมาก ชาวบ้านชาวเมือง ต่างก็พากันพูดถึงวีรกรรมการเจรจาอย่างกล้าหาญของ<ซูฉิน>ทูตผู้ยิ่งใหญ่ แต่อีกด้านหนึ่ง บรรดาแม่ทัพนายกองที่ไปรบพ่ายแพ้แคว้นฉิน บรรดาขุนน้ำขุนนางที่คอยแต่ประจบสอพลอกลับอยู่อย่างไม่มีความสุขเหมือนถูกด้อยค่าลงไป
จึงร่วมกันวางแผนเพื่อเพ็ดทูลอ๋องแคว้นเยี่ยนว่า<<ซูฉิน>นับเป็นบุคคลที่ร้ายกาจยิ่งนัก สามารถใช้เพียงลมลิ้นเจรจาก็สามารถได้เมืองคืนถึงสิบเมือง คนเช่นนี้ ย่อมสามารถใข้คำพูดปลุกปั่นยุยงให้ประชาชนก่อการขบถได้ทุกเมื่อ <ขอให้ท่านอ๋องจงระวัง>
อ๋องแคว้นเยี่ยนได้ฟัง ก็หัวเราะ และพูดว่า<<ซูฉิน>เป็นคนซื่อสัตย์ รักแผ่นดิน ไม่ทะเยอทะยาน เขาจะทำอย่างพวกท่านว่าได้อย่างไร ?>
แต่คำโบราณกล่าวไว้ <ถึงเสาหิน แปดศอก ตอกเป็นหลัก ทุกวันผลัก บ่อยเข้า เสายังไหว>
อ๋องแคว้นเยี่ยน ได้รับฟังคำพูดใส่ร้าย<ซูฉิน>บ่อย ๆ เข้า ก็ชักลังเล จนกระทั่งในที่สุด ตัดสินใจเรียก<ซูฉิน>มาพบ และพูดว่า <เจ้านี่ช่างร้ายกาจยิ่งนัก เจ้าไปพูดอย่างไร ? อ๋องแคว้นฉินที่โหดเหี้ยมจึงได้ยอมคืนเมืองให้กับเจ้ามาถึงสิบเมือง ถ้าเจ้าใช้คารมลมลิ้นไปปลุกระดมชาวบ้านให้ก่อการกบถข้าฯ ก็ย่อมทำได้ ข้าฯจำต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม ขอปลดเจ้าออกจากทุกตำแหน่ง ยึดทรัพย์สมบัติข้าทาสบริวารและเนรเทศเจ้าออกจากเมือง ให้ไปอยู่หัวเมือง>
<ซูฉิน>ก้มหน้า รับฟังคำสั่งอ๋องแคว้นเยี่ยนอย่างสงบ เพราะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น
<เมื่อเสียงคำสรรเสริญเยินยอจางหายเมื่อไหร่การนินทาว่าร้ายใส่ความ ก็จะตามมา> มันเป็นสัจธรรมมาตั้งแต่โบราณกาล
<ซูฉิน>ทำความเคารพอ๋องแคว้นเยี่ยน และพูดว่า <ก่อนที่ข้าพเจ้าจะไปข้าพเจ้าขอเล่าเรื่องขุนนางข้างบ้านให้ท่านอ๋องฟังสักเรื่อง>
อ๋องแคว้นเยี่ยนอนุญาต<ซูฉิน>จึงได้เล่าว่า <ข้างบ้านข้าพเจ้ามีบ้านของขุนนางหนุ่มคนหนึ่งอยู่กับภรรยาสาวสวยและสาวคนใช้คนหนึ่ง วันหนึ่ง ขุนนางหนุ่มมีงานราชการด่วนต้องเดินทางไปต่างเมืองหลายวันจึงได้ตระเตรียมอาหารการกินไว้ให้ภรรยาล่วงหน้า ภรรยาจะได้ไม่ต้องออกไปหาอาหารกินนอกบ้านเพราะภรรยาของขุนนางหนุ่มนั้นสวยมากจึงกลัวชายคนอื่นจะมาแย่งชิงไป
คล้อยหลังขุนนางหนุ่มเดินทางออกจากบ้านไปไม่นาน ภรรยาสาวสวยก็แอบส่งสัญญาณให้ชายคนรักมาพบที่บ้าน และเสพสมกัน วันเวลาผ่านไปหลายวัน ใกล้ถึงวันที่ขุนนางหนุ่มจะกลับบ้านชายคนรักกระวนกระวายยิ่งนักกลัวถูกจับได้ กลัวถูกฆ่า กลัวไม่ได้อยู่กับสาวสวย แต่สาวสวยภรรยาขุนนางหนุ่ม กลับบอกขายคนรักว่า <ไม่ต้องกลัวเมื่อเขาเดินทางมาถึงบ้านเขาต้องเหนื่อยล้าและหิวกระหาย เราจะให้เขาดื่มเหล้าดับกระหายแต่เราจะผสมยาพิษเข้าไปในเหล้าด้วย เมื่อเขาดื่มเหล้าผสมยาพิษ เขาก็จะถึงแก่ความตายเราก็จะได้อยู่ด้วยกัน>
เมื่อขุนนางหนุ่มกลับมาถึงบ้าน ภรรยาแสนสวยก็สั่งให้สาวใช้ยกถ้วยเหล้าผสมยาพิษไปให้ขุนนางหนุ่ม สาวใช้ตกใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ได้แต่คิดว่า <ถ้าเอาเหล้าผสมยาพิษให้นายผู้ชายดื่ม นายผู้ชายก็จะถึงแก่ความตายตัวเองก็จะมีความผิด แต่ถ้าไม่เอาเหล้าผสมยาพิษให้นายผู้ชายดื่ม ก็จะถูกนายผู้หญิงไล่ออกจากบ้านไม่มีที่อยู่ที่กิน>
ในช่วงวิกฤตนั้นเอง สาวใช้พยายามตั้งสติก้าวเท้าเดินถือถ้วยเหล้าผสมยาพิษไปหาขุนนางหนุ่มช้า ๆ ก่อนที่จะถึงขุนนางหนุ่ม ทันใดนั้นเอง ! สาวใช้ได้สะดุดขาตัวเองล้มลงถ้วยเหล้าแตกกระจาย ขุนนางหนุ่มโมโหด้วยความหิวกระหายจึงเฆี่ยนตีสาวใช้อย่างไม่หยุดยั้ง สาวใช้เจ็บปวดเจียนตาย ร้องไห้คร่ำครวญ รำพึงรำพันกับตนเองว่า <นี่หรือคือผลตอบแทนที่ช่วยไม่ให้นายผู้ชายต้องถูกฆ่า นี่หรือคือผลตอบแทนที่ช่วยไม่ให้นายผู้หญิงต้องกลายเป็นฆาตกรกลับถูกเฆี่ยนตีเช่นนี้>
เมื่อซูฉินเล่าถึงตอนนี้ก็ทอดถอนใจ แล้วพูดว่า <ชีวิตข้าพเจ้า ก็เฉกเช่นสาวใช้คนนี้ข้าพเจ้าขอลา>
อ๋องแคว้นเยี่ยนฟังซูฉินพูดเรื่องราวก็คิดตามไปด้วยพอจะเข้าใจความหมายของเรื่องที่เกิดขึ้น ว่าคนทำความดีกลับได้รับผลตอบแทนที่เลวร้าย ดังนั้น จึงรีบพูดขึ้นว่า <<ซูฉิน>ช้าก่อน> สมมติว่า ท่านเป็นอ๋องแคว้นเยี่ยน ท่านจะทำอย่างไรต่อไป ?
เรื่องที่ 2 <<โจนออฟอาร์ค>>
<โจนออฟอาร์ค>เป็นเด็กสาววัยรุ่นชาวฝรั่งเศสเกิดและเติบโตในชนบท
<โจน>ศรัทธาในพระเจ้า <โจน>เชื่อว่า พระเจ้าให้พลังพิเศษแก่เธอและต้องการให้เธอนำทัพของฝรั่งเศสรบกับอังกฤษ ในสงครามร้อยปี
พระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศสได้ทดสอบ<โจน>หลายอย่าง สุดท้ายยอมรับและยอมให้<โจน>นำทัพ
ด้วยความศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ด้วยความฮึกเหิมในความรักชาติบ้านเมือง <โจน>นำทัพของฝรั่งเศส รบชนะอังกฤษหลายสมรภูมิ เหล่าชายชาติทหารของฝรั่งเศส พากันยกย่องนับถือ <โจน>ว่า <เป็นผู้นำทัพที่ยิ่งใหญ่>
บรรดาขุนนาง ขุนทหาร และพระ ซึ่งเป็นผู้กุมอำนาจในราชสำนัก ทั้งทางการเมือง การทหาร และศาสนจักร พากันอิจฉากับชื่อเสียงของ<โจน> ที่ได้รับการยอมรับจากเหล่าทหารและประชาชนจึงพากันใส่ร้าย<โจน>ว่า เป็น<แม่มด>
ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เช่น ผู้หญิงที่เป็นสาวแล้วกลับไม่มีประจำเดือน !
ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผอมบาง ทำไมสามารถกวัดแกว่งดาบเหล็กที่มีขนาดใหญ่และหนักสู้ศึกได้ ? ถูกธนูยิงทะลุอก ก็ไม่ตาย
<โจน>ถูกตัดสิน เป็น<แม่มด> จากผู้มีอำนาจเหล่านั้น เธอถูก<เผาทั้งเป็น>
กาลต่อมา ราว ๆ ค.ศ 1990 กว่า ๆ สำนักวาติกันได้ชำระประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ ปรากฏว่า <โจน>พ้นมลทินและได้รับการยกย่องให้เป็น<นักบุญ>
<นักบุญ>ผู้เคยถูกกล่าวหาว่าเป็น<แม่มด>มานานกว่า 500 ปี
เรื่องที่ 3 <<นางไฮ ขันจันทา>>
ที่ดินของ<นางไฮ ขันจันทา>ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยละห้า อ.นาตาล จว.อุบลราชธานี ถูกทางราชการเวนคืน โดยมีที่ดินของชาวบ้านคนอื่นที่อยู่ติด ๆ กัน โดนเวนคืนด้วยเพื่อเอาพื้นที่ไปทำเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก
แต่<นางไฮ>ไม่ยินยอมได้ออกมาเรียกร้องขอที่ดินคืน <นางไฮ>เดินทางไปประท้วงที่รัฐสภา ที่ทำเนียบรัฐบาล หลายครั้งหลายหน ไปออกรายการทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เรื่องเล่าเช้านี้ หลายครั้ง จนกระทั่งในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีมติ ให้คืนที่ดินแก่ <นางไฮ> รวมระยะเวลาในการเรียกร้องของ<นางไฮ> ประมาณ <27 ปีเศษ>
ต่อมาในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีมติให้จ่ายเงินชดเชยแก่<นางไฮ>ประมาณสี่ล้านบาทเศษ สรุปว่า<นางไฮ>ได้ทั้งที่ดินกลับคืน ได้ทั้งเงินชดเชย
วันที่นายอภิสิทธิ์ ไปมอบเงินให้<นางไฮ>ที่ จว.อุบลราชธานี ชาวบ้านที่ถูกเวนคืนที่ และไม่ได้เรียกร้อง เหมือน <นางไฮ>ได้มารวมกลุ่มกันเรียกร้องเพื่อให้ได้สิทธิ์ทั้งที่ดินและเงินชดเชยเหมือนกับ<นางไฮ>
ทราบข่าวว่า หมดสิทธิ์เพราะ<เต็มใจ>ให้เวนคืนและได้รับเงินชดเชยแล้วตามเกณฑ์ในสมัยนั้น
ช่วงนั้น ผมเป็น รอง ผบก. ภ.จว.อุบลราชธานี รับผิดชอบงานสอบสวน กับงานความมั่นคงและกิจการพิเศษจึงพอรู้เรื่องราวอยู่บ้าง
บทสรุปทั้ง 3 เรื่อง
<<ซูฉิน>> เป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ของจีนก่อนรวมแผ่นดิน เป็นนักการทูตที่มีวาจาเป็นอาวุธ จาก<วีรบุรุษ>เกือบกลายเป็น<กบถ>เพราะถูกอิจฉาใส่ร้ายจากกลุ่มผู้สูญเสียอำนาจ
<<โจนออฟอาร์ค>> เป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส เป็น<นักรบ>เป็น<วีรสตรี>ที่ถูกป้ายสีด้วยความเท็จจากกลุ่มผู้กุมอำนาจในราชสำนัก บ้านเมือง และศาสนจักร ว่าเป็น<แม่มด>จนเธอถูกเผาทั้งเป็น จนกระทั่งต่อมาอีกประมาณ 500 ปีเศษ เมื่อความจริงปรากฏ จาก<แม่มด>จึงได้เป็น<นักบุญ>
<<นางไฮ ขันจันทา>> เป็น<ชาวบ้าน>ธรรมดา เป็น<นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน>ของตนเองที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ ในภาคอีสานของไทย เรียกร้องสิทธิ์ของตน 27 ปี จึง<ได้ที่ดินคืน> แถม<ได้เงินชดเชย>อีก เป็นตัวอย่างของนักต่อสู้ที่ไม่ย่อท้อ อดทน ติดตามเรื่องในทุกรัฐบาลจนรัฐบาลในภายหลังถึงสองรัฐบาลยินยอมคืนที่และจ่ายเงินชดเชย
<<ทั้งสามเรื่องนี้>> เกิดขึ้นในสามประเทศ สามยุค สามบทบาท สามลีลา อาจเป็นกรณีศึกษาที่ล้ำค่า หรือไร้ค่าก็อยู่ที่ท่านจะพิจารณา
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท