<กุ๊ยกับด่านตำรวจ>
กรณีมีบุคคลฉายเดี่ยวชอบไปปรากฏตัวตามจุดตั้งด่านตรวจของตำรวจใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเคลื่อนไหวของตำรวจ
ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่พร้อมกับสอบถามถึงคำสั่งตั้งด่าน ? หัวหน้าด่านเป็นใคร ? ตรวจอะไร ? ตรวจทำไม ? ทำการเผยแพร่ภาพออกไปสด ๆ พูดไปเรื่อย ๆ แบบไร้สาระ แต่ <กวนตีน> ตำรวจขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่มาก
คนพวกนี้ มีอยู่หลายคนแบ่งพื้นที่กันทำการก่อกวนยั่วยวนตำรวจให้โมโหเพื่อเรียกเรตติ้ง มีการเรียกคนพวกนี้ว่า <นักรบด่านเถื่อน> แต่สำหรับผม ผมไม่ให้ราคากับคนพวกนี้ ผมขอเรียกว่า <กุ๊ยกับด่านตำรวจ>
เคยมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับกุ๊ย ผู้ที่ก่อกวนด่านตำรวจ ศาลพิพากษาประมาณนี้ว่า ไม่ผิดฐาน ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน แต่ผิดฐานทำให้เดือดร้อนรำคาญปรับ 5,000 บาท
ผมอ่านเจอข้อแนะนำในการดำเนินการกับกุ๊ยก่อกวนด่านตำรวจจากเพื่อนตำรวจที่ส่งมาให้อ่านเห็นว่าเข้าท่าดีและมีหลักการ สามารถใช้เป็นแนวทางของตำรวจได้ ผมส่งเป็นภาพไว้ท้ายเรื่องนี้แล้ว
จะขอเล่าเรื่องย้อนไปในอดีตช่วงเป็น ผกก.สภ.เดชอุดม จว.อุบลราชธานี มีหญิงวัยกลางคนหนึ่งคนชายวัยกลางคนสองคนใส่เสื้อซาฟารีแขนสั้น ปักอักษรใต้เครื่องหมายอะไรสักอย่าง ว่าเป็น <หน่วยงานตรวจสอบการทำงานของภาครัฐ> ทั้งสามคนมาขอพบผม ผู้หญิงเป็นคนพูดและแสดงตัวว่า <เป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานตรวจสอบการทำงานภาครัฐขอตรวจสอบการทำงานของ ผู้กำกับ>
ผมนั่งฟัง มองหน้า สำรวจกิริยาท่าทีทั้งสามคน หญิงคนนั้นพูดต่ออีกว่า <โรงพักนี้ มีตำรวจหลายคน ที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องหลายเรื่องทางหน่วยได้รับเรื่องร้องเรียนเลยลงมาตรวจสอบเพื่อรายงานหน่วยเหนือ>
ผมยังนั่งเฉยชายคนหนึ่งลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำท่ายกกล้องถ่ายภาพที่นำติดตัวมา จะถ่ายภาพ ผมพูดเสียงเข้มทันที <ไม่อนุญาต นั่งลง>
ชายคนนั้น ทำท่าตกใจ คงไม่คิดว่าจะเจอคำพูดแข็ง ๆ ของตำรวจที่น่าจะขอประนีประนอมเพราะกำลังถูกตรวจสอบ หญิงคนนั้น เห็นผมมีท่าทีแข็งกร้าวก็เริ่มมีอาการอึกอัก พูดต่ออีก <ถ้ารายงานขึ้นไปแล้วผู้กำกับเดือดร้อนแน่>
ผมเจอคนประเภทนี้มาบ่อย ๆ ผมรำคาญเต็มทีกับคำพูดและท่าทางของคนพวกนี้เต็มประดา จึงพูดว่า <ขอดูหนังสือจดทะเบียนสำนักงานหน่อยบัตรประจำตัวประชาชนของทุกคน เอามาแสดงด้วย>
ทั้งสามคนมองหน้ากันไปมาแล้วยื่นบัตรประจำตัวประชาชนมาให้ผมดู หญิงคนนั้นพูดว่า <หนังสือจดทะเบียนอยู่ที่สำนักงานใหญ่ใน กทม. มีแต่สำเนา ติดอยู่ที่สำนักงาน>
ผมถามว่า <สำนักงานเป็นห้องแถวติดป้ายไว้ด้านหน้ามีสติ๊กเกอร์ที่ติดกระจกตรงประตูเข้าออกใช่มั้ย ?> ทั้งสามคนทำท่าทีเลิ่กลั่กผมจึงพูดต่อ <ไม่มีทางหากินอย่างอื่นหรือไง ? จึงมาคอยจับผิดการทำงานของตำรวจ สำนักงานของคุณ เป็นสำนักงานเถื่อนหน่วยงานของรัฐไม่มีแบบนี้หรอก>
หญิงคนนั้นปั้นหน้าเคร่งทำท่ายกโทรศัพท์มือถือกดเลขโทร.ออก ผมพูดอีก <เรียกมาให้หมดทั้งแก๊งเลยนะจะได้จับยกโขยงทีเดียว> ชายทั้งสองคนกระสับกระส่าย ผมพูดเสียงดังเลย <ภายใน 1 นาที ถ้าพวกคุณไม่ออกไปจากห้องผม ผมจะจับกุมให้หมดและภายในวันนี้ ถ้าไม่ปิดสำนักงานเถื่อนรับรองเจอข้อหาหนักแน่>
พอผมพูดจบ ชายสองคนลุกขึ้นก่อนพร้อม ๆ กัน หญิงลุกตามพากันออกจากห้องทำงานผมหายวับไปอย่างรวดเร็วไม่พูดไม่จา ไม่ร่ำไม่ลา
ผมไม่เคยเห็นสำนักงานพวกเหล่านี้หรอกแต่คาดการณ์ได้เพราะสมัยก่อน มันหากินกันแบบนี้ กลุ่มคนพวกนี้ ชอบหาจุดอ่อนและข้อบกพร่องของการทำงานของตำรวจ และหน่วยราชการอื่น ๆ แล้วทำท่าทีว่า ถูกส่งมาจากหน่วยงานตรวจสอบการทำงานภาครัฐ หวังได้เงินเป็นค่าปิดปาก
เหมือน ๆ กับนักร้องอาชีพ ที่เพิ่งโดนตลบหลังจับเร็ว ๆ นี้ แล้วก็คล้าย ๆ กับพวกกุ๊ยกวนด่านตำรวจนั่นแหละ เพียงแต่สมัยก่อนโน้น
มันมากวนที่โรงพัก แล้วดันมาโรงพักที่ผมอยู่ผมจะไปกลัวอะไร ? กับกุ๊ยนอกคอกเหล่านั้น
น้อง ๆ ตำรวจ ต้องพร้อมรับพร้อมรบกับไอ้พวกคนประดานี้ อย่าให้มันมาย่ำยีศักดิ์ศรีตำรวจได้ ป้องปากบอกมันไปเลยว่า <ปากหมาอย่างนี้ หากินแบบนี้ ถ้าไม่ตายในคุกถึงอยู่นอกคุกก็ไม่ตายดีหรอก>
ส่วนจะดำเนินคดีกับกุ๊ยพวกนี้หรือไม่ ? เป็นดุลยพินิจของท่านครับ
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท