‘วราวุธ’ รมว.พม. เผย ส่งนักสังคมสงเคราะห์ ร่วมสอบเด็ก – เยาวชน 5 คน ทำร้ายป้าบัวผัน ที่ จ.สระแก้ว ย้ำครอบครัวต้องเอาใส่ใจบุตรหลาน สร้างความอบอุ่น พร้อมหนุน MOU กับ อว. จ้างงานคนพิการเพิ่ม – จับมือเอกชนช่วยคนพิการจองที่จอดรถผ่านแอปพลิเคชัน
16 ม.ค. 67 เวลา 08.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยถึงกรณีเด็กและเยาวชน 5 คน ทำร้ายป้าบัวผัน จนเสียชีวิต ที่ จ.สระแก้ว นั้น ตามขั้นตอนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทางกระทรวง พม. ได้ส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายเป็นนักสังคมสงเคราะห์เข้าไปร่วมในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน และมีการพูดคุยกับเด็กแล้ว ขณะนี้ ได้มีการดำเนินการตามกฎหมาย โดยขั้นตอนการดำเนินคดีและแนวทางการดำเนินการ เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกระทรวง พม. จะเข้าไปร่วมในบริบทที่กฎหมายกำหนด ซึ่งสามารถเข้าไปร่วมได้ในส่วนเฉพาะของนักสังคมสงเคราะห์ ส่วนขั้นตอนการดำเนินคดี การดำเนินการทั้งหลาย และตัวบทกฎหมายนั้น ถึงแม้จะเป็นเด็กและเยาวชน แต่จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องกระบวนการยุติธรรม และทางศาลจะเป็นผู้ตัดสิน และต้องไปดูเรื่องผู้ปกครองของเด็กว่ามีส่วนร่วมอย่างไรหรือไม่ หากผู้ปกครองมีส่วนร่วมด้วยต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายตามปกติ แต่ถ้าเป็นเด็ก 5 คน ต้องมีนักสังคมสงเคราะห์อยู่ร่วมด้วย
นายวราวุธ กล่าวต่อไปว่า ตนคิดว่าไม่ใช่เพียงกรณีนี้ เมื่อปีที่แล้ว ที่ศูนย์การค้าพารากอนเกิดเหตุรุนแรงเช่นกัน ซึ่งตนคิดว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เราเห็นความรุนแรงเกิดขึ้นในสังคมมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะเป็นจากเด็กและเยาวชนเอง หรืออาจจะมีกลุ่มบุคคลใดใช้เด็กและเยาวชนเป็นเครื่องมือหรือไม่ ดังนั้น ขั้นตอนในการดำเนินคดีหรือพิจารณานั้น คงต้องพิจารณากันให้ดีว่าเราจะมีมาตรการการป้องกันอย่างไร ผู้ปกครองจะต้องเอาใจใส่บุตรหลานมากน้อยแค่ไหนกับการกระทำความผิด ควรจะดูแลเริ่มต้นจากสถาบันครอบครัวอย่างไร เพราะสถาบันครอบครัวเป็นฟางเส้นสุดท้ายของสังคมไทยในขณะนี้ ซึ่งหากสถาบันครอบครัวมีอันแตกไป สังคมไทยจะมีปัญหาหนักกว่านี้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ต้องเร่งทำในวันนี้ คือการสร้างสายใยในครอบครัวให้มีความเหนียวแน่นมากกว่านี้ ให้มีความอบอุ่นมากกว่านี้ มิฉะนั้นในปี 2567 กรณีนี้จะไม่ใช่กรณีแรก ถ้าทุก ๆ ฝ่ายไม่ร่วมมือการสร้างสังคมที่อบอุ่นและใกล้ชิด ทั้งนี้ ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการจัดประชุมคณะกรรมการคุ้มครองเด็ก คงจะต้องมีการหารือกันในประเด็นนี้ ว่าจะมีแนวทางการดำเนินการอย่างไรต่อไป
นายวราวุธ กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับความคืบหน้าของ MOU ระหว่างกระทรวง พม. กับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อเตรียมเปิดพื้นที่หางานให้คนพิการ โดยได้นำร่อง 5 มหาวิทยาลัยในเบื้องต้น ทั้งภาคเหนือ กลาง อีสาน และใต้ นั้น ไม่ได้เป็นการลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวง พม. และ อว. แต่เป็นการที่ตนขอให้ปลัดกระทรวง พม. ไปติดต่อ 5 มหาวิทยาลัย เพื่อเป็นการนำร่อง และถ้าหากว่า นำร่องแล้วเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยใช้เงินทุนจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตนจะไปเจรจากับกระทรวง อว. เป็นอันดับต่อไป แต่ในเบื้องต้นก่อนที่จะทำงานในระดับกระทรวงกับกระทรวง อยากเห็นว่าโครงการนำร่องนี้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปประธรรมเสียก่อน ซึ่งคิดว่าถ้าหากสำเร็จ ภาพรวมทั้งหมดของคนพิการอีกนับหมื่นนับแสนชีวิตจะมีการจ้างงานมากขึ้นในแต่ละปี ทำให้เกิดการสร้างศักยภาพให้กับกลุ่มคนพิการ และเกิดรายได้กับประเทศชาติ โดยในเบื้องต้นจะโฟกัสที่กลุ่มคนพิการก่อน เพราะว่าเงินที่เราจะใช้ในการสนับสนุนมหาวิทยาลัยนั้น เป็นเงินจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งในอนาคตถ้าหากว่าเราสามารถหาเงินกองทุนอื่นมาสนับสนุนในส่วนของผู้สูงอายุได้ แน่นอนว่าเราจะขยายไปสู่ผู้สูงอายุ เนื่องด้วยวันนี้ มีปริมาณคนสูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น และคนวัยทำงานค่อยๆ ลดน้อยลง เราจะต้องหากำลังการทำงานเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนพิการ และผู้สูงอายุ เข้ามาทำงานเป็นบุคลากรและทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญของสังคม
นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความคืบหน้าของภาคเอกชนที่เข้าหารือโครงการนำร่องระบบช่องจอดรถสำหรับคนพิการ ผ่านแอปพลิเคชัน นั้น เมื่อ 2 วันที่แล้ว ได้มีบริษัทภาคเอกชนเข้ามาพูดคุยกับกระทรวง พม. เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ใช้ผ่านแอปพลิเคชัน สามารถให้คนพิการลงทะเบียนจองที่จอดรถไว้ก่อนที่จะไปถึงจุดหมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใด ๆ ทั้งห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ราชการที่มีบริการนี้อยู่ ซึ่งสามารถจองที่จอดรถสำหรับคนพิการโดยผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งจะมีการสั่งการผ่านแอปพลิเคชันให้เปิดคานไม้กั้น เมื่อไปถึงสถานที่จอดแล้ว คานไม้กั้นจะลดต่ำลงให้เข้าจอดได้ ซึ่งคานไม้กั้นนี้จะเป็นการป้องกันไม่ให้คนปกติไปใช้อภิสิทธิ์ที่จอดรถคนพิการ แต่ในเบื้องต้นได้ขอให้กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ไปหารือเรื่องการหาพื้นที่ทดลองทำโครงการนำร่องก่อน เนื่องจากต้องอาศัยทั้งภาคเอกชน และพื้นที่ของภาครัฐด้วย ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรจะนำเรียนแจ้งให้ทราบต่อไป