คอลัมนิสต์

เส้นทางบุญสู่โรงพยาบาล


22 ธันวาคม 2023, 12:27 น.

 

อีกไม่กี่วัน ก็ใกล้จะถึงเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่ ต่อไปอีกสามเดือนเศษ ก็เป็นเทศกาลสงกรานต์

 

สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ รถติดยาวเหยียด ทางโค้ง ติดยาวเป็นกิโล ทางขึ้นเขา ติดหลายกิโล ติดแบบวินาสสันตะโร

 

อุบัติเหตุเกิดขึ้นถี่ยิบมีรถเสียหาย มีคนบาดเจ็บ พิการ และถึงแก่ความตาย เป็นจำนวนมาก มากกว่าวันปกติที่ไม่ใช่เทศกาล

 

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะขออนุญาตนำเสนอแผนงาน โครงการ ตลอดจนแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารจัดการจราจรทางบก หลากเรื่องราว หลายวิธีการ ที่เคยทำได้ผลมาแล้ว

 

เผื่อจะเป็นประโยชน์กับ ตำรวจ ปกครอง ท้องถิ่น สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการปฏิบัติ
ประโยชน์สูงสุด จะตกอยู่กับประชาชน ผู้ใช้รถใช้ถนน

 

ถ้าเคยอ่านแล้วก็ลองอ่านซ้ำบอกกล่าวและเผยแพร่ เพื่อสร้างกุศลช่วยคนให้ปลอดภัยครับ

 

<เส้นทางบุญสู่โรงพยาบาล>

 

ช่วงเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์ เป็นวันหยุดยาวของทุกปีผู้คนเดินทางสัญจรไปมา ด้วยเหตุผลต่าง ๆ กัน เช่น ไปเยี่ยมญาติ ไปเที่ยว ไปพักผ่อน ฯลฯ การจราจรติดขัดคับคั่งทั่วประเทศ และมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากกว่าวันอื่น ๆ

 

ตำรวจและหน่วยงานของรัฐอีกหลายหน่วยงานทำหน้าที่อำนวยความสะดวก ตลอด 24 ชั่วโมง

 

รถพยาบาล รถ 1669 รถมูลนิธิกู้ภัย เปิดสัญญาณเสียง และให้สัญญาณไฟ เพื่อใช้ความเร็วในการไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเพื่อนำส่งโรงพยาบาล

 

แต่ถนนหน้าโรงพยาบาล การจราจรก็คับคั่งติดขัดเช่นเดียวกันกับที่อื่น ๆ

 

ที่ <จว.อุบลราชธานี> ผมเป็น รอง ผบก.ฯ ผมได้นำเสนอโครงการ  <เส้นทางบุญสู่โรงพยาบาล> ขึ้นมา

 

โดยบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ ตำรวจ โรงพยาบาล รถ 1669 และมูลนิธิกู้ภัย

 

<หลักการ>

 

เมื่อรถรับผู้บาดเจ็บ ไม่ว่าจะเจ็บจากสาเหตุใดก็ตาม เพื่อไปส่งโรงพยาบาล ให้โทรศัพท์แจ้งไปที่สถานีตำรวจท้องที่ ที่รถไปรับผู้บาดเจ็บนั้น ว่าเป็นรถของหน่วยงานใด ? ทะเบียนอะไร ? ที่หมายโรงพยาบาลไหน ?

 

ตำรวจจราจร และสายตรวจรถยนต์ สายตรวจรถจักรยานยนต์ ที่ไม่ติดภารกิจจะเข้าอำนวยความสะดวกตามทางร่วมทางแยก ตรงที่มีสัญญาณไฟ ก็จะเปิดไฟเขียว หรือใช้สัญญาณมือแทน

 

ถ้าต้องเดินทางข้ามเขตสถานีตำรวจ ตำรวจที่รับแจ้ง เมื่อสั่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่แล้ว จะต้องประสานให้สถานีตำรวจอื่น ๆ ทราบทันที

 

รถที่นำผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาล จะต้องแจ้งเส้นทางที่ผ่านเป็นระยะไปยังสถานีตำรวจ เพื่อตำรวจจะได้เข้าประจำจุดล่วงหน้า

 

และเมื่อผ่านจุดที่ตำรวจอยู่ ตำรวจที่ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกเสร็จก็จะแจ้งต่อ ๆ กันไป จนถึงที่หมายโรงพยาบาล

 

มีการ <ทำประชาสัมพันธ์> ให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ เพื่อขอความร่วมมือ

 

มีการนำโครงการนี้ เข้าที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัด เพื่อทราบ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากฝ่ายปกครองและท้องถื่นในการสร้างความเข้าใจกับประชาชน

 

แม่งาน คือหัวหน้าสถานีตำรวจ ถือว่าเป็นหน้าที่ทั้งในการปฏิบัติ บริหารสั่งการ และประชาสัมพันธ์

 

ผมให้ข้อคิดไปว่า <การช่วยเหลือนำส่งผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลด้วยความรวดเร็วเร่งด่วนทำให้ผู้บาดเจ็บมีโอกาสได้รับการรักษาพยาบาลจากแพทย์ได้ทันท่วงที หรือเร็วขึ้นกว่าเดิม ที่จะตาย ก็รอดตาย ที่เจ็บมากก็จะเจ็บน้อย ที่เจ็บน้อยก็จะหาย การช่วยให้คนไม่เจ็บและไม่ตาย มันได้ทั้งหน้าที่และได้ทั้งบุญนะครับ>

 

นายสุรพล สายพันธุ์ ผวจ. อุบลราชธานี เห็นชอบและชื่นชมในโครงการนี้มาก

 

ต่อมา ผมเอาโครงการ <เส้นทางบุญสู่โรงพยาบาล> ไปทำที่ <จว.ชัยภูมิ>

 

นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ. ชัยภูมิ ก็เห็นชอบและชมว่าดีมากเช่นเดียวกัน

 

ที่พิเศษสุดคือ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ และเป็น รมช.สาธารณสุข

 

บอกว่าจะนำโครงการนี้ ไปเป็นแนวทางใช้ทั่วประเทศ <แต่มีเหตุการณ์ทางการเมืองเสียก่อน>

 

วันรุ่งขึ้นหลังจากการประชุมชี้แจงโครงการ ตำรวจทุกนายต่างก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

 

ยามเช้าประมาณ 07.45 น. เศษ ขณะที่ ด.ต.วีรชัย เป้าลี ทำหน้าที่จัดการจราจรอยู่หน้าโรงเรียนอนุบาล ได้รับแจ้งทางวิทยุสื่อสารของตำรวจว่า <มีรถพยาบาล นำคนเจ็บจากบ้านขี้เหล็กใหญ่ จะไปโรงพยาบาลชัยภูมิ ให้ไปอำนวยความสะดวกที่ห้าแยกโนนไฮ>

 

ห้าแยกโนนไฮเป็นทางร่วมทางแยกขนาดใหญ่ การจราจรติดขัดมาก

 

ด.ต.วีรชัย ฝากครูให้ดูแลการจราจรหน้าโรงเรียนแทน แล้วขี่รถจักยานยนต์ไปอำนวยความสะดวกที่ห้าแยกโนนไฮทันที

 

รถพยาบาลผ่านไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว เมื่อแจ้งศูนย์วิทยุสื่อสารของตำรวจแล้ว ด.ต.วีรชัย ก็ขึ้นรถจักยานยนต์ เพื่อจะไปทำหน้าที่ต่อที่หน้าโรงเรียนอนุบาล

 

มีโทรศัพท์เข้าเครื่องมาพอดี เป็นหลานสาว พูดว่า <เมื่อกี้นี้ เห็นน้ายืนอยู่ตรงห้าแยกโนนไฮ ใช่มั้ย ?>

 

ด.ต.วีรชัย ตอบและถามหลานสาวกลับไป <ใช่ ไปไหนมา ? ทำไมเห็น ?>

 

หลานสาวอธิบาย <รถพยาบาลที่ผ่านห้าแยกโนนไฮตรงที่น้าอยู่ เขามารับยายไปส่งโรงพยาบาล ยายหน้ามืดล้มลงตอนกินข้าวเมื่อเช้า หนูมากับยายด้วย>

 

ยายคือแม่บังเกิดเกล้า ของ ด.ต.วีรชัย หลานสาวคือลูกของพี่สาว โต รู้ความแล้ว

 

ด.ต.วีรชัย รีบขี่รถจักยานยนต์ ไปที่โรงพยาบาลชัยภูมิทันที

 

ทราบจากหมอว่า <เส้นโลหิตในสมองตีบ>

 

ทราบจากพยาบาลว่า <โชคดีที่ขณะเกิดเหตุ หลานสาวอยู่ด้วย และแจ้ง 1669 จึงได้มีรถพยาบาลไปรับ>

 

คนขับรถบอกว่า <ทุกทางร่วมทางแยก และทุกจุดที่มีสัญญาณไฟจราจร มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปอำนวยความสะดวกอยู่ รถจึงนำคนป่วยมาถึงโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็วหมอรักษาได้ทันท่วงที>

 

ด.ต.วีรชัย ยกมือไหว้ขอบคุณหมอ พยาบาล และคนขับรถที่ช่วยชีวิตแม่เขาเอาไว้

 

ด.ต.วีรชัย มาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง และพูดว่า <ถ้าไม่มีโครงการนี้ แม่ผมคงแย่แน่ ๆ>

 

ผมพูดชมเชยให้กำลังใจ ด.ต.วีรชัย และพูดตบท้ายว่า <เทวดาคงดลใจ เพื่อให้ลูกได้มีโอกาสแสดงความกตัญญูต่อแม่>

 

ผมนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไปพูดในที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ของ จว.ชัยภูมิ ทุกคนฟังด้วยความสนใจและทึ่งในสิ่งที่เกิดขึ้น

 

มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า <โครงการนี้ มีปาฏิหาริย์ทันตาเห็นจริง ๆ>

 

ผมคิดเสมอว่า <การตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ การตั้งใจทำในสิ่งที่ดี ย่อมมีความงดงามตามมาเสมอ>

 

พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท

 

ข่าวในหมวดเดียวกัน

เพิ่มเติม...

การเมือง

คอลัมนิสต์

คมในความ

มหาราษฎร์ Shorts

ภาพเก่าเล่าอดีต

ไฮไลท์

ข่าวประชาสัมพันธ์

ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล คุก

ท่องเที่ยว

ศาสนา

สุขภาพ

แวดวงนักรบ

สังคม

บทบาทบุคคล

< กลับหมวดคอลัมนิสต์

เรื่องล่าสุด