ผบ.ตร.เคาะไทม์ไลน์ แต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรองสารวัตรและชั้นประทวนทุกหน่วยทั่วประเทศแล้ว จัดทำบัญชีให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 29 มกราคม 2567 และมีผลภายในวันที่ 31 มกราคม 2567

ด้วยขณะนี้การดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับ สว. ถึง รอง ผบก. วาระประจำปี ๒๕๖๖ ได้เสร็จสิ้นแล้ว คงเหลือการดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับ รอง สว. และ ผบ.หมู่ ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๑ ม.ค.๖๗

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอำนาจตามความในข้อกำหนด ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๖๖ ข้อ ๕ จึงกำหนดแนวทางการปฏิบัติให้ทุกหน่วยดำเนินการ ดังนี้

๑. ผู้มีอำนาจสั่งแต่งตั้งต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๕ และข้อกำหนด ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยเคร่งครัด

๒. ให้ทุกหน่วยดำเนินการจัดเตรียมและปรับปรุงฐานข้อมูลข้าราชการตำรวจในสังกัดให้เป็นปัจจุบัน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ และเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ให้หน่วยต่าง ๆ จัดส่งข้อมูลดังกล่าวมายัง ตร.(ผ่าน ทพ.) ภายใน ๒ ม.ค.๖๗ (ตามรูปแบบผนวก ก – ค)

๓. การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตามที่ ก.ตร. หรือ อ.ก.ตร.ร้องทุกข์ มีมติให้เยียวยาหรือแก้ไขให้กับผู้ร้องทุกข์ ให้หน่วยพิจารณาตามมติทุกราย ทั้งนี้ ให้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข้าราชการตำรวจที่ได้รับการเยียวยากับหน่วยที่เกี่ยวข้องโดยตรง

๔. กรณีร้องขอรับการแต่งตั้งสับเปลี่ยนหมุนเวียนภายในสังกัด ให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งและคุณสมบัติของข้าราชการตำรวจพร้อมหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งมีความเห็นขัดข้องหรือเกิดความเสียหายต่อทางราชการหรือไม่ และให้นำเสนอผู้บังคับบัญชาระดับถัดขึ้นไป ดังนี้

๔.๑ เสนอถึงระดับ กก. และให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณามีความเห็นเป็นที่ยุติภายใน ๒๒ ธ.ค.๖๖

๔.๒ เสนอถึงระดับ บก. และให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณามีความเห็นเป็นที่ยุติภายใน ๒๗ ธ.ค.๖๖

สำหรับ บก. ที่มิได้สังกัด สง.ผบ.ตร. ให้เสนอคำร้องถึง ผบช. ภายใน ๒๘ ธ.ค.๖๖

๕. กรณีร้องขอรับการแต่งตั้งสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปดำรงตำแหน่งนอกสังกัด เมื่อดำเนินการตามข้อ ๔ แล้ว ให้หัวหน้าหน่วยระดับ บช. ที่มิได้สังกัด สง.ผบ.ตร. รวมทั้ง บช. และ บก. หน่วยขึ้นตรงในสังกัด สง.ผบ.ตร. ส่งคำร้องที่มีผลการพิจารณาไม่ขัดข้อง หรือไม่ขัดข้องขอกำลังพลสับเปลี่ยนในคราวเดียวกันไปยังหน่วยที่รับตัวภายใน ๕ ม.ค.๖๗ โดยให้หน่วยที่รับตัวพิจารณาทำความตกลงกับหน่วยต้นสังกัดจนเป็นที่ยุติ

๖. การดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระหว่างหน่วย ให้ประสานทำความตกลงกันไว้เป็นหลักฐานให้ชัดเจน สำหรับหน่วยงานใน สง.ผบ.ตร. กับ บช. ที่มิได้สังกัด สง.ผบ.ตร. ให้ถือปฏิบัติตามนัยหนังสือ สกพ. ที่ ๐๐๐๙.๒๓๑/๖๘๓๒ ลง ๑๐ พ.ย.๖๖ โดยเคร่งครัด

๗. บช. และ บก. หน่วยขึ้นตรงในสังกัด สง.ผบ.ตร. ให้ดำเนินการจัดส่งข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รอง สว. และ ผบ.หมู่ พร้อมทั้งผลการประสานทำความตกลงไปยัง ตร.(ผ่าน ทพ.) ภายใน ๑๙ ม.ค.๖๗

๘. กรณีที่หน่วยมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่เป็นไปตามข้อ ๓๕ แห่งข้อกำหนด ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้หน่วยแสดงเหตุผลความจำเป็นเสนอ ตร.(ผ่าน ทพ.) ภายใน ๒๔ ม.ค.๖๗

๙. ให้ทุก บช. และ บก. ดำเนินการแต่งตั้งให้เสร็จสิ้นและมีคำสั่งแต่งตั้งพร้อมกันทุกหน่วยใน ๒๙ ม.ค.๖๗ โดยให้คำสั่งมีผลใช้บังคับพร้อมกันใน ๓๑ ม.ค.๖๗ และให้หัวหน้าหน่วยระดับ บช. ที่มีได้สังกัด สง.ผบ.ตร. รวมทั้ง บข. และ บก. หน่วยขึ้นตรงในสังกัด สง.ผบ.ตร. รวบรวมคำสั่งแต่งตั้งในสังกัดพร้อมทั้งสรุปจำนวนคำสั่งที่แต่งตั้งแล้วจัดส่งไปยัง ตร.(ผ่าน ทพ) ภายใน ๓๑ ม.ค.๖๗

๑๐. ให้หน่วยเป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งของข้าราชการตำรวจที่จะแต่งตั้ง รวมถึง ยศ ชื่อ ชื่อสกุล ตำแหน่ง เลขตำแหน่ง สถานภาพข้าราชการตำรวจและรายละเอียดอื่น ๆ ด้านธุรการให้ถูกต้อง โดยเฉพาะการแต่งตั้งเข้าสู่ตำแหน่งในกลุ่มสายงานป้องกันปราบปราม จะต้องมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งเป็นไปตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งกลุ่มสายงานป้องกันปราบปราม พ.ศ. ๒๕๖๑ และบทเฉพาะกาล ตามมติ ก.ตร. ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๔ เมื่อ ๒๗ ก.ย.๖๔

๑๑. เนื่องจากมติ ก.ตร. ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๖ เมื่อ ๒๙ พ.ค.๖๖ ได้มีมติกำหนดกรอบอัตรากำลังพื้นฐานให้กับสถานีตำรวจ บก.น. ภ.จว. และที่เกี่ยวข้องไว้ ดังนี้

๑๑.๑ กรอบอัตรากำลังพื้นฐานสถานีตำรวจระดับใหญ่ คนครองไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๕ สถานีตำรวจระดับกลาง คนครองไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ และสถานีตำรวจระดับเล็ก คนครองไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๕ ของจำนวนตำแหน่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน
๑๑.๒ กำหนดกรอบคนครองของทุกสถานีตำรวจในภาพรวม บก. ไม่ต่ำกว่าจำนวนคนครองในปัจจุบัน เพื่อให้หน่วยรักษายอดกำลังพลในภาพรวมไว้ สำหรับหน่วยงานที่มีคนครองเกินกรอบอัตรากำลังพื้นฐาน ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งอาจปรับเกลี่ยอัตรากำลังเพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑๑.๑ ได้
๑๑.๓ กำหนดกรอบคนครองของทุกสถานีตำรวจในภาพรวม บช. ไม่ต่ำกว่าจำนวนคนครองในปัจจุบัน เพื่อให้หน่วยรักษายอดกำลังพลในภาพรวมไว้ สำหรับหน่วยงานที่มีคนครองเกินกรอบอัตรากำลังพื้นฐาน ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งอาจปรับเกลี่ยอัตรากำลังเพื่อให้เป็นไปตามข้อ ๑๑.๑ ได้
๑๑.๔ กำหนดกรอบอัตรากำลังพื้นฐานของ บก.น. และ ภ.จว. (รวมสถานีตำรวจและหน่วยงานที่ไม่ใช่สถานีตำรวจ) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๖0 ของจำนวนตำแหน่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน

จึงให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับเกลี่ยอัตรากำลัง ตลอดจนรักษายอดกำลังพลให้เป็นไปตามกรอบที่กำหนดดังกล่าวให้มากที่สุด ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงจำนวนข้าราชการตำรวจในทุกสายงานให้มีเพียงพอกับปริมาณงานในแต่ละหน่วย เพื่อให้มีกำลังพลปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

๑๒. ให้หน่วยพิจารณาให้ความสำคัญกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในกรณีร้องขอกลับภูมิลำเนาหรืออุปการะครอบครัว โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ควรได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นลำดับแรก ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ข้าราชการตำรวจในการที่จะปฏิบัติหน้าที่และเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัว สำหรับหน่วยซึ่งมีพื้นที่พิเศษหรือเสี่ยงภัยให้พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจสับเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อฟื้นฟูกำลังพลตามความจำเป็นโดยให้กระทบต่อข้าราชการตำรวจรายอื่นให้น้อยที่สุด

๑๓. การเดินทางไปรับตำแหน่งใหม่และการรายงานตัวเมื่อได้รับคำสั่งแต่งตั้งของข้าราชการตำรวจ ให้ถือปฏิบัติตามนัยหนังสือ ตร. ที่ ๐๐๐๔.๒๕/วิo๗๓ ลง ๒๔ พ.ค.๕๐ โดยเคร่งครัด

ทั้งนี้ การจัดส่งข้อมูลและบัญชีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ตลอดจนข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งไปยัง ตร.(ผ่าน ทพ.) นั้น ให้หัวหน้าหน่วยระดับ บช. ที่มีได้สังกัด สง.ผบ.ตร. รวมทั้ง บช. และ บก. หน่วยขึ้นตรงในสังกัด สง.ผบ.ตร. รวบรวมคำสั่งแต่งตั้งในสังกัด โดยจัดส่งคำสั่งแต่งตั้ง ทั้งในรูปแบบเอกสารและไฟล์ Excel ผ่านทาง e-mail address ที่ pol.appointment@gmail.com
พร้อมทั้งสรุปจำนวนคำสั่งที่แต่งตั้ง และให้ดำเนินการตามระเบียบ ตร. ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ ๒๙ ความลับ โดยเคร่งครัด

ขอบคุณข้อมูล : คอลัมน์คาดเชือก