มท.1 ห่วงใยพี่น้องภาคใต้ เกาะติดสถานการณ์อุทกภัย เน้นย้ำ ปภ. เข้าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจัดเครื่องจักรกลสาธารณภัย 312 หน่วยสแตนบายออกปฏิบัติการตลอดฤดูฝน พร้อมดึงกำลังเสริมจากทั่วประเทศทันทีหากสถานการณ์เปลี่ยน
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตามที่ขณะนี้ได้เข้าสู่ฤดูฝนในภาคใต้ของไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่และได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิดทุกวัน กำชับให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) มีการกระจายกำลังคนเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง เตรียมความพร้อมของอุปกรณ์เครื่องมือที่จะเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงทีเมื่อมีความจำเป็น และความพร้อมนี้ต้องมีอยู่ตลอดฤดูฝนที่คาดว่าจะต่อเนื่องไปจนถึงช่วงต้นปีหน้า
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้มีการวางแผนรับมือฤดูฝนในภาคใต้ตั้งแต่ต้นฤดูกาล โดย รมว.มหาดไทยได้สั่งการในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารภัยแห่งชาติถึงผู้ว่าฯ 14 จังหวัดภาคใต้ในช่วงต้นเดือน ต.ค. ให้ทุกจังหวัดเตรียมกลไกความช่วยเหลือให้พร้อม และเมื่อต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมานายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ได้ลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อติดตามความพร้อมในแต่ละกลุ่มจังหวัด ทำให้เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนสามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ ทั้งการแจ้งเตือนประชาชน การมีแผนเผชิญเหตุ การติดตั้งเครื่องจักรกลสาธารณภัยในพื้นที่เสี่ยง ไปจนถึงการเร่งรัดสำรวจความเสียหายเพื่อให้ประชาชนได้รับการเยียวยาเร็วที่สุดตามนโยบายของนายอนุทิน
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ปภ. ยังได้รายงานความพร้อมด้านเครื่องจักรกลสาธารณภัยว่า ณ ปัจจุบัน ปภ. โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวม 4 เขต ได้แต่ เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์, เขต 11 สุราษฎร์ธานี, เขต 12 สงขา และเขต 18 ภูเก็ต ได้สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยพร้อมเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งสิ้น 312 หน่วย ประกอบด้วย เครื่องสูบน้ำ 86 หน่วย รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย 8 หน่วย เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ 80 หน่วย รถบรรทุกเครื่องสูบส่งระยะไกล 16 หน่วย รถสูบน้ำท่วมขัง 16 หน่วย สะพานเบลีย์ 13 หน่วย รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย 79 หน่วย รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว14 หน่วย รวมทั้งอากาศยานปีกหมุน KA32 จำนวน 1 ลำ ได้เข้าประจำการที่จ.นครศรีธรรมราช พร้อมออกปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 66 เป็นต้นมา
โดยจำนวนเครื่องจักรกลสาธารณภัยดังกล่าวถือว่าเพียงพอกับสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน แต่หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงเครื่องจักรไม่เพียงพอ ก็สามารถขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอีก 14 เขตทั่วประเทศได้
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ตามรายงานล่าสุดของ ปภ. พบว่า ขณะนี้ได้มีน้ำท่วมใน ในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ ชุมพรและปัตตานี รวม 5 อำเภอ 12 ตำบล บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 450 ครัวเรือน ซึ่งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ดำเนินการเร่งระบายน้ำ เพื่อและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน พร้อมกับจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามกฎหมาย และยังคงมีการเฝ้าระวังพื้นที่อื่นๆ อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ หากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอพพลิเคชั่น “THAI DISASTER ALERT”