ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2553 ผมนำกำลังตำรวจ คฝ.ภ.จว.อุบลราชธานี 1 กองร้อย ไปปฏิบัติหน้าที่ใน กทม. สถานที่พัก คือโรงเรียนสวนลุมพินี จุดปฏิบัติหน้าที่คือ แยกศาลาแดง ถนนสีลม
วันที่ 14 พ.ค. 2553 ยามเย็น M 79 ลูกหนึ่งถูกยิงมาตกข้างห้องน้ำ รร.สวนลุมพินี ใกล้ ๆ กับที่พักของตำรวจอุบลราชธานี และภูธรอีก 2 หน่วยกับ 1 มว.ของนครบาล
โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ล้มตาย
ช่วงเวลาขณะนั้น ผมกับกำลังพล 1 มว. ตั้งจุดตรวจอยู่ตรงบริเวณแยกคลองเตย ซึ่งอยู่ถัดมาจากแยกบ่อนไก่
เมื่อได้รับรายงาน ผมสั่งให้ทุกคนอยู่ในที่พักแล้วสั่งข้าว อาหาร พร้อมอาหารพิเศษ ไก่ทอดเจ๊กี ข้าง สน.ลุมพินี ตัวละ 200 บาท กติกา ไก่ทอด 1 ตัวต่อ 3 คน กับข้าวเหนียว ส่งไปให้ตำรวจกินกันในที่พัก
จากนั้นผมไปติดต่อกับ สน.ท่าเรือ และด่านตรวจพืชคลองเตย ขอใช้พื้นที่ห้องประชุมของหน่วยงานเป็นที่พักของตำรวจ คฝ. อุบลราชธานี 156 ชีวิต <บาดเจ็บสาหัสเพราะโดน M 79 ที่แยกศาลาแดง 1 คนอยู่ รพ.ตร.> ได้รับความร่วมมือด้วยดี
พอรุ่งเช้า วันที่ 15 พ.ค. 2553 หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ผมประชุมชี้แจงภารกิจและสั่งย้ายที่พักของ คฝ. อุบลราชธานี ทันที
ต่อมาในเวลาประมาณ 09.00 น. ไปร่วมประชุมรับภารกิจที่ บช.น. ในวาระอื่นๆ ผมขออนุญาตพูดชี้แจงถึงเหตุที่ต้องย้ายที่พักตำรวจ ตามที่จัดไว้ให้ไปที่ สน.ท่าเรือ กับด่านตรวจพืชคลองเตย เพราะ M 79 มันเริ่มมาทักทายแล้วคงจะต้องมาอีกแน่นอน
และได้ขออภัยที่ไม่ทำตามขั้นตอน เพราะไม่ทราบว่าเรื่องจะถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจเมื่อไหร่ ? จะให้ย้ายหรือไม่ ? ที่สำคัญ ผมต้องปกป้อง รักษาชีวิตร่างกายลูกน้องไว้ก่อน ขวัญกำลังใจเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง
ถ้ามีความผิดเกิดขึ้นจากการกระทำครั้งนี้ผมยอมรับผิดชอบทั้งหมด
โชคดีที่ รอง ผบช.น. ที่เป็นประธานในที่ประชุมเข้าใจและอนุมัติ อีก 2 หน่วยที่พักอยู่ รร. สวนลุมพินี ขอย้ายด้วยก็ได้รับการอนุมัติเช่นเดียวกัน
เชื่อหรือไม่? ใครจะเชื่อ?
และแล้วบ่ายแก่ ๆ ของวันที่ 15 พ.ค. 2553 นั้นเอง
M 79 ก็พาเหรดกัน มาเยือนที่ สน.ลุมพินี กับ รร. สวนลุมพินี ราวกับฝนห่าฟ้ารั่ว ตำรวจ คฝ. ย้ายที่พักไปก่อนแล้ว เมื่อตอนเช้าและตอนสายจึงปลอดภัย รอดเจ็บ และรอดตาย
ถ้าผมไม่ตัดสินใจทันทีเกี่ยวกับเรื่องย้ายที่พักหลังจากได้รับแจ้งเหตุว่า M 79 ตกข้างห้องน้ำ
ถ้าผมรอขั้นตอนตามระบบระเบียบ ในการย้ายที่พัก ไม่กล้าสั่งย้าย เพราะกลัวนายจะตำหนิหรือลงโทษ
ถ้าผมเอาแต่ตัวเองรอด อะไร ๆ ก็ ถูกครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับนาย สบายครับท่าน
จะมีตำรวจต้องเซ่นสังเวยความบ้าคลั่งของ M 79 ด้วยความตาย และบาดเจ็บ อีกกี่ราย ?
เสียงตำรวจ คฝ. พูดคุยกัน และมาบอกเล่าให้ผมฟัง
คฝ.คนแรก <นายครับ ตอนมีระเบิดลงข้างห้องน้ำมี คฝ. คนหนึ่ง ไม่รู้ว่าอยู่หน่วยไหนนอนฟุบอยู่กับพื้นไม่ไกลจากห้องน้ำ ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุด เพื่อน ๆ ไปประคองตัวกลับมา ก็ยังไม่หยุดร้องแบบคนสติแตกเลยครับ>
ไอ้หนุ่ม คฝ. อีกคนหนึ่ง คุยกับเพื่อนเสียงดังมือขวา กุมพระเครื่องพวงใหญ่ ที่คล้องคอไว้แน่น <พ่อกับแม่กูโทรศัพท์มาถี่ยิบเลย ขอให้กูลาออกจากตำรวจกลับไปอยู่บ้านกับพ่อแม่เพราะว่ากูเป็นลูกชายเพียงคนเดียว กูบอกว่า ปลอดภัยดีและจะรอกลับบ้านพร้อมเพื่อน ๆ>
เสียงปรับทุกข์ปรับสุขของ คฝ. อีกคนหนึ่ง <ส่วนกูไม่น่ามาเลย มันยกเบี้ยเลี้ยงให้กูหมดแถมเงินอีกก้อนหนึ่งขอให้กูมาแทน ถ้ารู้ว่าเจอแบบนี้ให้เท่าไหร่ กูก็ไม่เอา กูไม่มาเด็ดขาด>
ผมเป็น รอง ผบก.ฯ เป็นหัวหน้าในการปฏิบัติหน้าที่ของ คฝ. ได้แต่คอยปลุกปลอบขวัญสร้างกำลังใจให้ลูกน้อง และทำงานใกล้ชิด เพื่อให้พวกเขาอบอุ่นใจ
ทุกวันต้องประชุมที่ บช.น. เวลา 09.00 น. เลิกประชุม ก็โทรศัพท์สั่งการ ผบ.ร้อย ให้จัดเตรียมกำลัง และปฏิบัติตามแผนตามคำสั่ง แล้วรีบเดินทางไปร่วมปฏิบัติด้วยกัน
กินข้าวกล่อง ดื่มน้ำขวดพลาสติกกันริมถนน ตรงที่ตั้งจุดปฏิบัติ ร่วมกับลูกน้อง
ลูกน้องที่มาปฏิบัติหน้าที่ช่วงกลางคืน จะได้รับสิทธิ์พิเศษซื้อของกินใน 7-11 ได้คนละประมาณ 30 บาท โดยผมใช้วิธีการบริหารงบประมาณ เพื่อส่วนรวม <ไม่มีการหักเบี้ยเลี้ยง>
บางครั้งก็มี คฝ. หน่วยอื่นหลายคนเข้ามาซื้อของใน 7-11 ก็ดูแลให้ไปเพราะเห็นใจตำรวจผู้น้อย
บางครั้งสื่อมวลชนบางคน มาซื้อของกินของใช้ ใน 7-11 ผมก็ดูแลให้เพราะเจอกันทุกวันที่ลานจอดรถ โรงแรมดุสิตธานี
จนกระทั่งประมาณเที่ยงคืนเศษ บางครั้งก็ตี 1 ตี 2 ผมจึงกลับไปพักผ่อน พอตื่นเช้ามา ก็เข้าวงจรเช่นเดิมเป็นเช่นนี้จนถึงวันที่ 19 พ.ค. 2553
ผมบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวัน เป็นภาษากวี และจำเหตุการณ์ได้โดยไม่ต้องอ่านทบทวน เพราะหลาย ๆ เหตุการณ์ผมอยู่ตรงนั้น
หลาย ๆ เหตุการณ์ ผมเห็นตรงนั้น
หลาย ๆ เหตุการณ์ ผมรู้ตรงนั้น
รู้แม้กระทั่งว่า I.O. แปลว่า โกหก
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท